ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กรณีศึกษาการล้มละลาย Archegos Capital Management

  ถ้าเอ่ยถึง Fund Manager ที่กำลังร้อนแรง(ก้นร้อน)ที่สุดตอนนี้คงหนีไม่พ้น Bill Hwang แห่ง Archegos Capital Management (ตอนนี้เว็บปิดล่มเข้าไม่ได้แล้ว แต่ข้อมูลจาก CNBC ระบุเป็น family office รายใหญ่ของเอเซีย บริหารเงิน $10 billion ) กับกรณีบังคับขายสถานะสัญญาเทรดอนุพันธ์(Block Trade) มูลค่ากว่า $20 billion (เฉพาะส่วนของ Goldman Sachs )หลังไม่สามารถหาเงินมารักษาสถานะได้หลังโดน margin call ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ก่อนเกิดแรงขายในหุ้นเทคโนโลยีอีกหลายสิบตัว คุณ Bill Hwang ไม่ธรรมดาว่ากันว่าเขาเป็นศิษย์สำนัก Tiger Cubs ของ Julian Robertson ประสบการณ์โฉกโชนมากตอนปี 2008 ก็โดน margin call จนต้องบังคับขายมาแล้ว ส่วนปี 2012 ตอนบริหาร Tiger Asia Management ก็เพิ่งจบคดีเคส insider trading ยอมจ่ายค่าปรับไป $44 millonโดนแบนห้ามเทรด 4 ปี ผ่านมาก็ระดมเงินแบบ private มาเปิด Family Fund ใหม่ รอบนี้ตอนปี 2018 ฟันด์ขยายและมีเงินทุนโตมากบวกกับเส้นสายที่มี ทำให้หลุด blacklist จน สถาบันการเงินดังๆเช่น Goldman Sachs,Morgan Stanley, Credit Suisse Group และอื่นๆ มาให้เครดิตเงินกู้ ในการลงทุน หลายพันล้าน...

George Soros’s CIO Revives His Legendary Risk Appetite

  วันนี้ผมนั่งฟังคลิปสัมภาษณ์ "George Soros’s CIO Revives His Legendary Risk Appetite" ทางรายการ Fontrow ของบลูกเบริก สัมภาษณ์คุณ Dawn Fitzpatrick เธอเป็น CIO ของ Soros Fund Management เธอถูกเลือกโดยคุณ Soros ให้มารับไม้ต่อบริหารเงินขนาด $27 Billion ที่ Soros Fund Management มีหลายประเด็นน่าสนใจมาก โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลง DNA ของ Soros Fund ยุคใหม่ ในช่วงที่คุณ George Soros วัย 90 ปีได้วางมือ ผมสรุปประเด็นหลักๆมาแชร์ เพราะอยากให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเพื่อการอยู่รอดและเติบโตในภาวะตลาดและเศรษฐกิจปัจจุบัน - Dawn Fitzpatrick เธอมีเส้นทางอาชีพที่น่าสนใจเข้าสู่โลกการเงินยุค 1992 ในฐานะ investment banker และนักกลยุทธ์ที่ชำนาญ alternative & quantitative investments Area , จากนั้นได้โปรโมทขึ้นมาเป็นGlobal Head of Equities, Multi-Asset ก่อนขึ้นมาเป็น Head of Investments ที่ UBS Asset Management -ปี 2017 เธอเข้ามาบริหาร Soros Fund Management เปลี่ยนสไตล์การบริหาร, โดยผลงาน return รอบ 12 เดือนบวกเกือบ 30% -เธอวางกลยุทธ์โดยใช้ ทีมในการบริหาร ไม่ขึ้นกับ portfolio manager แค่คนเดียว...

สารคดี The Madoff Affair

  เมื่อคืนได้ดูสารคดี The Madoff Affair ของ FRONTLINE ซึ่งเป็นช่วงที่ข่าวการตายของ Bernie Madoff ในวัย 82 ปี ผมติดตามอ่านเรื่องของ madoff มาหลายบทความ เพราะมีหลายประเด็นที่น่าสนใจ กับการโกงได้ระดับ $64.8 billion ที่ทำเอาลูกค้าระดับ เศรษฐีอเมริกา, เศรษฐีไฮโซ คนดังในยุโรป,, ธนาคาร, hedgefund ,มูลนิธิ ต่างๆขาดทุนมหาศาล , แถมเป็นการโกงที่หลอกคนจำนวนมากได้นานกว่า 20 ปี,แม้มีคนออกมาแฉ มาเปิดโปงแต่ SEC ยังไม่สามารถดำเนินการตรวจสอบเอาผิดได้ จนมาระเบิดเมื่อ เกิด subprime crisis ที่สถาบันการเงินและธนาคาร ต้องการถอนเงินคืน ทำให้กองทุน Ponzi scheme ของ madoff ต้องล้ม และโดนดำเนินคดี ในสารคดีนี้มีประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือ วิธีการที่ Madoff หลอกคนรวย เช่น กองทุน,สถาบันการเงิน,เฮ็ดฟันด์ ให้เข้าร่วมเป็น feeder ส่งเงินให้ madoff บริหาร โดย madoff ใช้ความเป็นชาวยิวและนักขาย เขาให้ฟันด์และสถาบันการเงินดังๆ เช่น Fairfield Greenwich Group, Ascot Partners, Tremont Capital Management , Aurelia Finance, Union Bancaire Privee จูงใจคนเหล่านั้น ที่ต้องการรวย หาเงินจากลูกค้าส่งให้เขา โดยมีเงื่่อนไข ห้ามถาม...

ผู้สนับสนุนของเทรดเดอร์

 ผม ได้อ่านเจอโพสนี้น่าสนใจดี ประเด็นมาจากช่วง Bitcoin ทำ ATH ก็มีเทรดเดอร์ใช้ชื่อว่า "Parking_Meater" ไปโพสใน Reddit ว่า ภรรยาหนีออกจากบ้าน หลังทะเลาะกัน เพราะสามี(เทรดเดอร์) ไม่เชื่อเธอไม่ยอมขาย Bitcoin ตอนราคาไป $60000 ตอน 13 มีค. จนราคามันลงมาเรื่อยๆหลุด 52000 ช่วง 26 มีค. มาโกรธจัดตอนจับได้ว่าสามียังอัดเงินเข้าซื้อเพิ่มตามสไตล์ Buy the Dip (แต่ในข่าวไม่ได้ระบุว่าซื้อ BTC จำนวนเท่าไหร่) ภรรยาหนีออกจากบ้านไปอยู่กับพี่สาว แต่สามีบอกว่าครอบครัวเราสบาย ไม่ได้ต้องการเงินสด เขาเลยไม่ต้องการขาย bitcoin ออกมา นั้นคือเหตุผล ในโพสกระทู้นี้ ไม่มีอะไรมากคอมเมนต์ไปทางเฮฮา หลายคอมเมนต์บอกว่าเดี่ยวบิตคอยก็กลับมาดังนั้นเปลี่ยนภรรยาใหม่ดีกว่า , บ้างแนะนำให้ปรึกษาหาทนายความเตรียมหย่ากันเลย กระทู้นี้เหมือนไม่มีอะไร แต่ลึกมันสะท้อนปัญหาหนึ่งของเทรดเดอร์ครับ เพราะ ทัศนคติมุมมองต่อ ผลกำไร/ขาดทุน ของตัวเทรดเดอร์ กับ คนทั่วไปรอบข้าง(คนในครอบครัว) มันจะแตกต่างกัน เวลาคุยกันมันเปราะบางมากโอกาสเข้าใจผิดหรือเกิดผลลบ นี้เกิดได้ บางทีตอนราคาบิตคอย/ ราคาหุ้น ที่เทรดขึ้นมีกำไร อาจจะเผลอไปบิ้ว ไปคุยอวดเม...

ตกผลึกความคิดจากเรื่องเล่า

  เห็นภาพนี้แล้วอดนึกถึงเรื่อง ชาวประมง กับ นักธุรกิจไม่ได้ , เรื่องเล่าคลาสสิกที่ว่า (โดยสรุป) นักธุรกิจคนหนึ่งผู้ประสบความสำเร็จ พยายามแนะนำวิธีหาเงินเยอะให้ชาวประมง ด้วยการกู้เงินมาซื้อเรือลำใหญ่จ้างลูกน้อง ออกทะเลเพื่อให้จับปลามาขายได้เยอะๆ จากนั้นเปิดโรงงานแปรรูปส่งออก สร้างผลประกอบการดีๆแล้วนำบริษัทจดทะเบียนเข้าตลาดหุ้น เพื่อให้กลายเป็นมหาเศรษฐี สุดท้ายใกล้เกษียณได้ใช้เวลาว่างมาพักผ่อน ดูฟ้า ดูน้ำทะเล ตกปลาสบายใจ มีอิสระแบบผม(นักธุรกิจร้อยล้าน) !! ชาวประมงตอบกลับว่า นั้นมันก็สิ่งที่ผมทำอยู่ทุกวันไงครับ ใช้ชีวิตเรียบง่าย อย่างมีความสุข มีเวลาให้กับครอบครัว ได้นั่งตกปลาหาปลาแค่พอกินอย่างสบายใจ ในทุกวัน (ไม่ต้องรอให้รวยก่อน)..... เรื่องนี้ คนสรุปไปหลายทาง สำหรับผมไม่ว่าจะเลือกเป็น นักธุรกิจ หรือเลือกจะรักอิสระเป็นชาวประมงพอเพียง สุดท้ายมันขึ้นกับเป้าหมาย และความต้องการชีวิตของเรา ประเด็นคือ เราหาตรงนั้นเจอหรือยัง จุดที่เราพอใจและพอเพียง ถ้าหาจุดนั้นเจอ ที่เหลือก็แค่วางแผนชีวิตและลงมือทำ (ไม่ต้องไปเสียเวลา เปรียบเทียบรูปแบบชีวิต ฐานะและชื่อเสียงของเรากับคนอื่น) แต่สิ่งสำคัญ ต้อง...

Hanzawa Naoki

  วันหยุดสัปดาห์นี้ได้ใช้เวลาวันหยุดนั่งดูซีรีย์ญุี่ปุ่นชื่อ "Hanzawa Naoki" ที่รุ่นน้องแนะนำมาว่าเป็นสุดยอดซีรีย์การเงินและการธนาคาร อันดับต้นของเอเซียเลย เขาแนะนำตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ผมชอบซีรีย์ฝรั่ง เช่น billions มากกว่าเลยดองไว้ พอมีโอกาสได้ดู ต้องบอกเลยครับของเขาดีจริงๆ Hanzawa Naoki มีสองซีซั่นได้รับเรตติ้งการดูสูงสุดอีกเรื่องในญีุ่่ปุ่น คนเขียนบทนี้สุดยอดเนื้อเรื่อง สนุก ลุ้นทุกตอน นักแสดงก็แสดงได้อารมณ์สุดๆซีรีย์เล่าเรื่องของ คุณ Hanzawa Naoki ชายมุ่งมั่นจะเป็นนายธนาคาร จากปมในใจที่พ่อของเขาต้องฆ่าตัวตายจากธุรกิจที่ล้มเหลวขาดทุนหนักและธนาคารไม่ยอมปล่อยสินเชื่อให้กู้ต่อเป็นปมขับดันทีทำให้ Hanzawa อยากเปลี่ยนโลกธนาคารให้ดีใหม่ หลังคุณ Hanzawa จบมหาลัยก็เริ่มทำงานในธนาคารใหญ่ใช้เวลาสิบกว่าปีไต่เต้าจนก้าวขึ้นมาในระดับหัวหน้าของสาขา แต่ต้องมารบกับความฉ้อฉลในการปล่อบกู้, การชิงดีชิงเด่น เล่นพรรคเล่นพวกและการเอาเปรียบจากหัวหน้าสารพัดสารเพ แต่ด้วยสโลแกนที่ว่า "ถ้าใครทำร้ายฉันล่ะก็ จะเอาคืนเป็นสองเท่า" ก็ทำให้เขาเอาชนะมาทุกคู่ต่อสู้ ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่แค่ไหน เนื้อเ...

Non-fungible tokens(NFT)

  วันนี้อ่านเรื่องของ non-fungible tokens(NFT) หลายบทความ ซึ่งดูเหมือนกระแสรอบนี้จะทำให้เห็น use case น่าสนใจของเทคโนโลยีมากขึ้น แม้จะดูเหมือนมันเป็นกระแสร้อนและมูลค่าสินค้าน่าจะเป็นอะไรที่เกินจริง แต่ก็ต้องยอมรับว่า Technology มันมาแล้วย่อมคงยังดำเนินอยู่หลังการได้พิสูจน์ให้เห็นว่า มันใช้งานได้และสามารถแก้ข้อจำกัดเดิมในอดีต รอบนี้คนหนึ่งที่ Win ในเกมส์กระแสร้อน NFT คือ คุณ Mike Winkelmann (ฉายา Beeple) เขาเป็น digital artist ที่ผลิตผลงานดิจิตอลอาร์ทมากกว่า 10 ปี รอบนี้เขาได้นำ NFT ของผลงานภาพชิ้นเอกชื่อ "Everydays: The First 5,000 days" ไปประมูลขายบนเว็บประมูล christies dotcom ได้ราคากว่า $69 million กลายเป็นเศรษฐีเงินล้านในข้ามคืน , เจ้าตัวให้สัมภาษณ์ว่าติดตามและศึกษา NFT มาสักระยะ แต่ก็ไม่คิดว่า งานของเขาจะขายได้มูลค่ามากมายขนาดนี้ , หลายเว็บมีการประมูล NFT กลุ่มดิจิตอลโปรดักซ์ หลายประเภท เช่น digital art, memes, music , รูปภาพ ,ของสะสมดิจิตอลต่างๆประเภทมีชิ้นเดียวในโลก เช่น NFTตัวสินค้าข้อความ first tweet ของ Jack Dorsey , ceo twitter เป็นต้น โดย Mike Winkelmann กล่าวว่...

ให้เงินช่วยเราทำงาน

  วันนี้ได้อ่านสัมภาษณ์ของ Mark Cuban เขาพูดถึงเรื่องของ Wealth และ Financial independence มีประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือ คุณมาร์ค แนะนำให้ความสำคัญกับ Time value มากกว่าจำนวนเงิน คือแทนจะตั้งเป้าเป็นเศรษฐีร้อยล้าน พันล้าน ให้มองความมั่นคงและการมีอิสระภาพทางการเงินตามความเป็นจริงที่เหมาะสม ซึ่งคุณมาร์คพูดถึงไอเดีย การเก็บออมสะสมเงินล้าน ลงทุนให้เติบโตเหมาะสม แล้วใช้ชีวิตให้มีค่าครองชีพประหยัดเหมือนเด็กมหาวิทยาลัย(บ้านไม่รวย) สามารถเกษียณก่อน 60 ได้แน่นอน ในที่นี้สรุปได้ว่า Key ของอิสระภาพทางการเงินคือ การมีมูลค่าเวลาเพิ่ม คือมี "เวลา" ไปใช้ทำสิ่งที่ต้องการทำ หรือใช้เวลาเพื่อสร้างประโยชน์ สร้างความสุขให้กับตัวเราเอง แทนที่ต้องเสียเวลาทำงานแลกเงิน เพื่อสร้างประโยชน์ให้นายจ้างหรือนายทุนเจ้าของบริษัท เอาจริงก็อาจจะไม่ค่อยง่าย ยิ่งถ้ามีครอบครัว หรือมีรายจ่ายเพิ่ม ทำให้เงินเก็บเงินออมแต่ละเดือนอาจจะทำได้ไม่มากหรือไม่สามารถย้ายไปอยู่อาศัยต่างจังหวัดที่ค่าครองชีพต่ำได้ ดังนั้นคงต้องปรับให้เหมาะกับชีวิตของแต่ละคน แต่ประเด็นสำคัญคือต้องมี "เป้าหมาย" และเริ่มทำทันที แม้จะเล็กน้อ...

Dividend volatility trading

  เมื่อคืนบรรยาย Downside protection ผมพูดถึง Dividend volatility trading. สไตล์การเทรดใช้ volatility และ correlation ไม่ใช่เรื่องใหม่และมีการพัฒนามากนานและหลากหลายรูปแบบมาก อันหนึ่งที่น่าสนใจคือ Dividend volatility trading หรือประเภท Dividend Arbitrage Strategies ใช้พฤติกรรมราคาของหุ้น ที่เกิดความไม่ปกติได้รับผลกระทบในวันขึ้นเครื่องหมาย(ex-dividend date) จ่ายปันผล บางหุ้นมีแรงขายกดดันทำให้ราคาหุ้นลงแรง กระทบกับอนุพันธ์ที่อ้างอิงราคาหุ้นนั้น เช่น stock options กลยุทธ์ Dividend Arbitrage ใช้โอกาสจากจุดนี้ โดยสรุปคือ ซื้อหุ้นก่อนขึ้นเครื่องหมาย และซื้อ Put option (ในบทความแนะนำ ITM เพื่อให้ premuim ไม่สูงและเกิดประสิทธิภาพทางต้นทุนในการ hedge ,ขณะเดียวกันไม่จำเป็นซื้อ ITM Put ในวันขึ้นเครื่องหมายทันทีเสมอไป อาจจะวางแผนล่วงหน้าได้) โดยประมาณหุ้นที่ซื้อ ใกล้เคียงกับขนาดสัญญา Options ส่วนการทำกำไร ก็รอหลังวันขึ้นเครื่องหมายเพื่อให้ได้ dividend ร่วมด้วย ผลลัพธ์สุดท้าย ปิดสถานะทำกำไรจาก Put option มาชดเชยผลขาดทุนจากราคาหุ้นลง(ถ้าถือหุ้นยาวต่อก็ไม่ต้อง ขายหุ้นทันทีก็ได้) Dividend Arbitrag...

บันทึก Stable Coin - THT

  กำลังเป็นประเด็นร้อน แต่อยากบันทึกข้อมูลเอาไว้ ด้าน ธปท. วันนี้ออกตัวแรง ประกาศห้าม หลังทนความร้อนที่มีการกล่าวถึงของ THT บน Terra Platform ไม่ไหว ประกาศเตือน"การทำ จำหน่าย ใช้ หรือนำออกใช้ วัตถุหรือเครื่องหมายแทนเงินตรา ที่เป็นความผิดตามมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ. 2501 และเตือนว่าประชาชนไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้องกับ THT เพราะจะไม่ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมาย เสี่ยงการถูกโจรกรรมทางไซเบอร์ และเสี่ยงตกเป็นเครื่องมือในการฟอกเงิน" https://www.bot.or.th/.../Pre.../Press/2021/Pages/n1564.aspx ส่วนล่างเป็นแนวคิดเริ่มต้นของผู้สร้าง(ธันวา อาภรณ์ทิพย์) ทำ Proposal ไปที่ Terra Chain เพื่อเสนอโหวตจากกลุ่ม คอมมูนิตี้ แนวคิดไม่ซับซ้อนอยากมี เหรียญไทยบาท สำหรับการแลกเปลี่ยนบนโลก DeFi และให้ ไทยบาทดิจิตอลเป็น risk-diversified investment portfolio เท่านั้นเอง ผลโหวตออกมาดีมาก จนได้สร้างออกมา ตรึงมูลค่า 1 เหรียญต่อ 1 บาท ใช้ Luna บน Terra มาสวอป ปัจจุบันที่ใช้กันก็คือ พักเงิน เปลี่ยนเหรียญระหว่างการเทรด/การขุด แต่ตอนนี้ที่หลายคนกำลังรอ Peer to Peer Lending หรือ Antchor บน Terra Chain ซ...

Remote Traders

  เมื่อคืนที่พูดถึงว่า ภาษาอังกฤษนี้เป็นสิ่งที่ช่วยเทรดเดอร์ให้พบโอกาสดีๆได้มากขึ้นทั้งเรื่องเงินทุนและดีลธุรกิจต่างๆ ยิ่งปัจจุบันเรามี internet เป็น leverage ให้กับโอกาสในการทำงานของเราได้ด้วย Remote Traders นี้เป็นอีกแขนงของการร่วมงานกับบริษัทต่างประเทศ ถ้าเรามีระบบเทรดดีๆ มีฝืมือจริงที่แสดงผ่าน Trading Record ระยะยาวได้ ก็สามารถสมัครร่วมงาน กับฟันด์ที่เปิดรับได้หลายเจ้าเลย โดยเฉพาะปัจจุบันการ WFH กลายเป็นที่ยอมรับและมีการปฏิบัติจริงช่วง covid-19 ผ่านมา รวมถึงมีเครื่องมืออำนวยความสะดวกมากมายสนับสนุนการทำงาน หนึ่งในตัวอย่างที่ผมรีวิวให้ฟังของ sevenpointscapital เขารับสมัคร Remote Traders ทั่วโลก โดยการสมัครก็ลงรายละเอียดตามแบบฟอร์ม ,แนบส่ง CV แนะนำตัว , Trading Record 90 วัน และบางเฟริ์มในอเมริกา อาจจะต้องการ FINRA Series 57 License(เพื่อนเทรดเดอร์ที่เคยสอบเล่าให้ฟังว่าค่าสอบ $60 , online testing แบบตัวเลือก ) ร่วมด้วยกรณีถ้าได้ร่วมงานจริงกับเฟริ์ม , จากนั้นรอ การสัมภาษณ์ออนไลน์ ซึ่ง Remote Traders ถือเป็นอีกเส้นทางอาชีพและการเข้าถึงเงินทุนขนาดใหญ่(ตามลำดับขั้น)สำหรับในการเทรดได้...

บันทึกผลการทดสอบ cwAlphaX รอบแรก

  การทดสอบรอบนี้โจทย์ค่อนข้างยากเพราะเวลาจำกัดแค่ 10 วัน(เทรดจริง 8 วัน) โดยการบัญชีทดลองใช้ Balance ที่ $50,000 , Max loss -10%, Max Daily Loss -5% ความท้าทายคือ เทรดให้ผ่าน Profit Target ที่ 5% ใน 2 สัปดาห์ ทำให้การเทรดต้องใช้ leverage และทำรอบการเทรด ให้เหมาะสมเพื่อสร้าง Profit ให้ได้ ซึ่งรอบนี้ใช้ กลยุทธ์การเทรด scalping และบริหารเงินแบบ Volatility Target Model (ลด position กรณีเกินระดับทุกสัปดาห์) โดยใช้ leverage ที่ 16x (4 unit * 2 layer รวมทั้งหมด 8 ไม้ย่อย ขนาด Position size = 1 lot / unit ) ผลการเทรด "ไม่ผ่าน" รอบนี้เทรดไป 41 ครั้ง, ด้วยความต้องเร่ง Profit ในเวลาสั้นทำให้เทรด lot size เล็กไม่ได้ รอ position ที่ติดให้หลุดก็ไม่ได้ ประกอบช่วงตลาดผันผวนมาก ช่วงผ่านมาทำให้ Max Daily Loss พุ่งเกินในสัปดาห์สุดท้าย น่าเสียตายมาก ทั้งที่สัปดาห์แรกค่อยๆไปคุมเกมส์ได้ดีแล้ว ,การเทรดระยะสั้น มีข้อจำกัดมาก ถ้าเลือก Product ไม่ดี โดยเฉพาะกรณีที่ไม่วิ่ง จะทำให้ ปั่นรอบทำ cashflow ไม่ได้ , การคุม Max loss ไม่ได้ยากแบบที่คิด เพราะถ้าเริ่มต้นมี cash buffer ดีการบริหารพอร์ต จะทำได้ไม่ย...

The patterns of mistakes

  ไม่มีใครอยากผิดพลาด แต่แน่นอนว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่ชีวิตนี้คนเราจะไม่ผิดพลาด โดยเฉพาะถ้าเราต้องตัดสินใจในภาวะที่ข้อมูลจำกัด, เวลาจำกัด และมีแรงกดดันจากผลของการตัดสินใจ วันนี้เข้าไปอ่านบทความของเพจคุณ Ray Dalio เจอเรื่องหนึ่งน่าสนใจมากเกี่ยวกับ the patterns of mistakes โดยสรุปเขียนว่า ให้เราเรียนรู้จากความผิดพลาด ที่เป็นผลผลิตจากความจุดอ่อนของตัวเรา เรียนรู้จุดอ่อน บันทึกความผิดพลาด และพัฒนาตัวเราเพื่อก้าวข้ามจุดอ่อนนั้น คุณ Ray dalio เขียนว่าทุกคนล้วนมี one big challenge หรือจุดอ่อนที่เราต้องก้าวข้าม เขาแนะนำให้เริ่มจากจุดอ่อนที่เป็นปัญหาที่สุด 1-3 อย่าง( "big three.")และเริ่มท้าทายตัวเองด้วยการยอมรับ และปรับปรุงตัวเราให้ก้าวข้ามมันไป แนวคิดนี้มาก แทนที่เราจะรีบลืม หรือ ปฏิเสธความผิดพลาดของเรา เปลี่ยนมา ยอมรับ และเรียนรู้จากมัน เพื่อจะได้ไม่ผิดพลาดซ้ำ ยิ่งทำให้เราแข็งแกร่ง และเติบโต ในอนาคต https://www.linkedin.com/in/raydalio/detail/recent-activity/

Are We In a Stock Market Bubble? by Ray dalio

  บทความนี้คุณ Ray dalio ชวนให้ตั้งคำถาม และสอนวิธีคิดสไตล์ Bridewater ให้เราดูด้วย ผมอ่านจบคิดว่ามันน่าจะมีประโยชน์เลยอยากแบ่งปันโน๊ตสรุปของบทความนี้ โดยคุณ Ray Dalio นำเสนอ bubble indicator ระบบที่เขาพัฒนาจากประสบการณ์ตรงกว่า 40ปีในตลาดและจากการศึกษาข้อมูลในอดีต บทความนี้เขายกตัวอย่าง US stocks เริ่มต้นคุณ Ray ตีกรอบนิยามของ Buble == unsustainably high price โดยเขาจะวัดจาก 6 ตัวแปรได้แก่ -How high are prices relative to traditional measures? (momentum) -Are prices discounting unsustainable conditions? (price discounting) -How many new buyers (i.e., those who weren’t previously in the market) have entered the market? (investor , people) -How broadly bullish is sentiment? (market sentiment) -Are purchases being financed by high leverage? (leverage) -Have buyers made exceptionally extended forward purchases (e.g., built inventory, contracted forward purchases, etc.) to speculate or protect themselves against future price gains? (Speculate / Heding in Future ,Options) -วิธีการวัดระดั...

tiny-house movement

  วันหยุดได้นั่งดูคลิปรายการ tiny house nation บนเน็ตฟลิกและไล่ดูคลิปบน Youtube ช่อง Living Big In A Tiny House หลายสิบตอนมาก เรียกว่านั้งดูเพลินเลย เพราะรวมทั้งงานออกแบบที่น่าสนใจสวย(มีทั้งแบบเรียบ เท่ห์และดูหรู) รวมไปถึงการพัฒนาเฟอร์นิเจอร์และวิธีการใช้พื้นที่ให้มีประสิทธิภาพเพราะขนาดพื้นที่จำกัด ส่วนใหญ่ tiny-house ขนาดเฉลี่ยประมาณ 37 ตรม. แต่ก็แบ่งย่อยไปอีกเช่น สร้างเองใช้ตู้คอนเทรนเนอร์ 1-2 ตู้ก็จะใหญ่หน่อย หรือถ้าเป็นแบบ on wheel แบบตู้คอนเทรนเนอร์บนหัวลากเคลื่อนที่ได้ ขนาดก็จะเล็กตามมาตรฐานของถนน(13.5-feet * 8.5-feet *40-feet ) การตกแต่งนี้ก็น่าสนใจเพราะมันคือกล่องและเล็ก การใช้แสง, การจัดวางเฟอร์นิเจอร์, การใช้สี ทุกอย่างมีผลหมดเลย ทั้งห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนอน ห้องนั่งเล่น หลายบ้านมีโมเดลการออกแบบและสร้างมันอย่างน่าสนใจ ในขณะที่เรื่องฟังก์ชั่น เช่นการระบายอากาศ,การป้องกันความหนาว,การทำความร้อน ก็ใช้งานอยู่อาศัยได้จริง เช่นเดียวกันกับระบบน้ำและระบบไฟ หลายบ้านมีโมเดลการประหยัดพลังงานที่น่าสนใจ เช่นการใช้โซลาร์เซลล์, การใช้ composting toilet หรือไปแบบ Off-The-Grid เลยก็มี นอก...