บทสัมภาษณ์นี้ดีงามมาก ผมเพิ่งมีโอกาสได้ฟังวันนี้ เลยอยากทำสรุปมาแชร์เพื่อนๆ น้องๆ ให้ได้เรียนรู้จากคุณ Stan Druckenmiller กัน
1. เรื่อง Macroeconomics
-คุณ Druckenmiller กังวลว่าจะเหมือนตอน 1970 ที่ inflation ลงแล้วย้อนกลับขึ้นไปได้อีก ,ทำให้ปัจจุบันยังไว้ใจไม่ได้
-เชื่อว่า Fed ประกาศชัยชนะจาก Inlation เร็วไปและการรีบลดอัตราดอกเบี้ยของพาล เวล นั้นมาเร็วเกินไปมาจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจ เพื่อประคองให้เกิด soft landding ซึ่งอาจจะดีในระยะสั้นแต่ไม่เป็นผลดีในระยะยาว
-เขามองไม่ปกติจากตลาดคือ Fed ลดอัตราดอกเบี้ยลง 50 bps แต่ credit spread แคบ, Gold และดัชนีตลาดหุ้นทำ New High เป็นสัญญาณที่ไม่ปกติคล้ายช่วงปี 1970
- คุณ Druckenmiller มองว่าชัยชนะของ Trump และการเข้ามาเปลี่ยนนโยบายเศรษฐกิจใหม่อาจจะทำให้เป็นตัวกระตุ้น เช่นการ Deregulation ,การทำสงครามการค้า, การจัดการผู้อพยบที่เป็นแรงงานราคาถูกในสหรัฐ เป็นต้น
- คุณ Druckenmiller ไม่กลัวผิด คุณ Druckenmiller บอกว่าปีที่แล้วคุณ Druckenmiller ก็มีมุมมองที่ผิดบางเรื่อง แต่กล้าจะยอมรับและปรับเปลี่ยน
-เขาคิดว่า Fed อาจจะมีมุมมองและนโยบายที่ผิด แต่ไม่กล้าเปลี่ยนแปลงเพราะกลัวเสียความเชื่อมั่น ทำให้ไม่ยืดหยุ่น การปรับตัวและการตัดสินใจทำอะไรที่ช้าเกินไปก็เป็นที่มาของปัญหา เช่นเรื่องการปล่อยให้ Inflation ขึ้นไปเกือบ 9%
- เขากังวลในเรื่อง Debt/GDP ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง, คุณ Druckenmiller มองว่ามันไม่สามารถขึ้นไปได้ตลอดกาล จุดหนึ่งมันต้องเกิดปัญหาความเชื่อมั่น และย่อมมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ต่อค่าเงินสำรอง , คุณ Druckenmiller มองว่าโอกาสปัญหาประทุช่วงต้นปี 2026 จะยิ่งมีปัญหาถ้า Inflation ขึ้นต่อและ Fed ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งรอบใหม่
2. เรื่อง U.S. Stock Market
- คุณ Druckenmiller มองว่าตลาดสหรัฐกำลังช่วงท้าทาย(สัญญาณเตือนระดับไฟเหลือง)แต่อาจจะยังไม่ใช่จุดสิ้นสุด ถ้าเศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแรงและไปต่อได้ และเชื่อว่า AI และ Tech จะเป็นเรือธงการเติบโตต่อไปในอนาคต
- เขาเล่าถึงชัยชนะในการลงทุน NVIDIA ช่วงก่อนเปิดตัว ChatGPT ซึ่งทำให้คุณ Druckenmiller และทีมลงลึกในอุตสาหกรรมนี้และ มองหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ตอนนี้ยังลงทุนต่อแต่ไม่ได้ลงทุนแบบ agressive ในช่วงเวลานี้ แต่ลงทุนแบบเหมาะสม เพื่อให้ได้ประโยชน์การเติบโตตามกระแสการเติบโตระยะยาว
- Buy First , Analys More , Invest & Investigate (กล้าเสี่ยงเหมาะสมเริ่มลงทุนระดับหนึ่ง จากแนวคิดและไอเดีย จากนั้นการเติบโตของมูลค่าในตลาดจะเป็นตัวบอกว่ามาถูกทางและมีโอกาสในอนาคต นำไปสู่การทำงานหนักเจาะลึกและขยายสเกลขนาดหน้าตักการลงทุนต่อไป) โดยเลือกบริษัทพื้นฐานดี และวิเคราะห์ไปข้างหน้าหาโอกาสการเติบโตเพื่อลงทุนในอนาคต
- คุณ Druckenmiller ใช้เทคนิคผสม Technofundametal วิเคราะห์ธุรกิจและวิเคราะห์ราคาร่วมประกอบกันเพื่อสร้างกลยุทธ์การลงทุน
- คุณ Druckenmiller พูดถึง NVIDIA การออกด้วยการใช้การวิเคราะห์ราคาการเกิด The Top ที่ ROC เริ่มชะลอตัวพักตัวก่อนเกิดการถดถอยลง (พิธีกรถามว่ารู้ได้ไงอันไหนจะสิ้นสุด คุณ Druckenmiller ตอบว่าไม่รู้บางทีก็ผิดบางทีก็ถูก) ถ้าผิดก็ขาดทุนหรือถ้าราคาไปต่อก็เทรดต่อ คุณ Druckenmiller ไม่ชอบแต่ไม่ได้แคร์ที่จะซื้อกลับในราคาแพงกว่าจุดขายก่อนหน้าทุกอย่างเป็นไปตามการวิเคราะห์ข้อมูล ไม่ได้ใช้อารมณ์นำ
- คุณ Druckenmiller เชื่อในการวิเคราะห์ข้อมูลมากกว่าการใช้ Gut Feeling ตัดสินใจซื้อขาย แต่การตัดสินใจต้องมีเรื่องของประสบการณ์และการเข้าใจรู้แจ้ง(Intuition) ประกอบ
3. เรื่องความเสี่ยงและการตัดสินใจ
- คุณ Druckenmiller พูดถึง Risk Weigthed Return ถ้าคุมได้ดีพอร์ตไม่มี Big Drawdown มากก็จะไม่เครียด , คุณ Druckenmiller มีปีที่ระหว่างปีไม่ดี แต่ก็แก้กลับมาได้ทำให้พอร์ตไม่มีปีที่เลวร้าย
- พยายามแข่งกับตัวเอง แข่งกับ opportunity set ของตลาดโดยจะรู้สึกผิดหวังถ้าพลาดโอกาสจากตลาดและได้ performance ที่แพ้ตลาดในปีนั้นๆ
- จิตใจที่มั่นคง ไม่ใช้อารมณ์สำคัญในการตัดสินใจ มั่นใจที่จะรับการขาดทุน เรียนรู้จากความผิดพลาดและมั่นใจว่าเริ่มต้นใหม่กลับมาได้
- คุณ Druckenmiller เชื่อว่าการควบคุมอารมณ์ได้ดีในการเทรด เป็นหนึ่งในส่วนสำคัญที่ทำให้ประสบความสำเร็จ รวมถึงการมี Open mind และรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน , ผิดได้เปลี่ยนแปลงได้ไม่มีอีโก้สูงเกินไป
- มองหาโอกาสหลากหลายจาก asset class ต่างๆ เช่น Bond Market , Currency Market , Comodity Market ไม่ได้เน้น concentrate ในตลาดหุ้นตลาดเดียว ถ้าเสี่ยงเกินไป หรือมีความไม่แน่นอน ก็พักไปลงทุนสินทรัพย์อื่น การเทรดได้หลายสินทรัพย์ทำให้หาสิ่งที่คุ้มมี Risk Reward ที่ดีสามารถขยับและปรับ position ได้ , วิธีนี้ช่วยทำให้คุณ Druckenmiller ไม่เกิดปีที่เลวร้ายขาดทุนหนักด้วย
- เรียนรู้เรื่อง sizing จาก Soros หลักการคือถ้ามั่นใจในชุดความคิด ควรกล้าเสี่ยงและเดิมพันใหญ่แต่มีแผนรับมือความเสี่ยงรองรับไว้ คุณ Druckenmiller เรื่องการเทรด short ค่าเงิน GBP ของโซรอสในช่วงที่คุณ Druckenmiller ทำงานด้วยกันที่ Quantum Fund
-ประเด็นนี้สนุกมาคุณ Druckenmiller เล่าตั้งแต่ช่วง 3 ปีก่อนที่คุณ Druckenmiller เทรดค่าเงิน ดอยมาร์ค( Deutsche Mark) ก่อนช่วงการรวมชาติของเยอรมันนี หรือการทลายกำแพงเบอร์ลิน 1989 ทำให้คุณ Druckenmiller มองเห็นโอกาสช่วงเศรษฐกิจ UK ประสบปัญหาและใช้ประโยชน์การ Peg ค่าเงิน
-โดยทำการ Short GBP และ Long ค่าเงิน Deutsche Mark มูลค่าหลายพันล้ายเหรียญเริ่มจาก 20% ก่อนเพิ่ม position ไปสุด100% ที่ 7.5billion เพื่อ รอทำกำไรจากการ Peg หลุดของค่าเงิน GBPเมื่อนำเสนอ thesis แก่คุณ soros เขาเห็นด้วยและคิดว่าควรเดิมพัน 200% หรือ 15 billion แต่ไม่ทันค่าเงิน GBP ร่วงหนัก และ BOE ทำการขึ้นอัตราดอกเบี้ยสวนจาก 6% เป็น 9% ก่อนขึ้นไปสูงถึง 12% ,
-จากนั้นคุณ Druckenmiller เชื่อว่า BOE ต้องลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ คุณ Druckenmiller เข้าเทรดซื้อ Gilts (UK government bonds) และเข้าซื้อหุ้นในตลาดหุ้นลอนดอน เพื่อทำกำไรต่อ ซึ่งจากนั้นทั้ง พันธบัตรและตลาดหุ้นก็ปรับขึ้นตามมา ,
-ทิ้งท้ายคุณ Druckenmiller คิดว่า Soros กล้าเสี่ยงกล้าเดิมพันใช้ขนาดเงินทุนใหญ่มากกว่าคุณ Druckenmiller มาก ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณ Druckenmiller เรียนรู้ว่า สิ่งสำคัญไม่ใช่การตัดสินใจผิดหรือถูก แต่เป็นเรื่องของขนาดผลตอบแทนที่ได้เมื่อถูกและขนาดการขาดทุนเมื่อผิดทาง
- คุณ Druckenmiller ไม่เชื่อว่า machince จะเข้ามาแทนคนในการลงทุน/เทรด เขาเชื่อว่าจะทำงานร่วมกันในรูปแบบต่างๆ โดย machince มีข้อเด่นเรื่องวินัย เรื่องการคิดคำนวณ แต่การคิดการวางกลยุทธ์ยังต้องใช้คนที่เก่งร่วมด้วยอยู่
4. เรื่องความผิดพลาดและการพักงาน
- คุณ Druckenmiller เล่าช่วงพักงานปี 2000 , เกิดจากเริ่มต้นที่ได้ short หุ้น internet stock ตัวรองหลายตัว ในปี 1999 เพราะคิดว่าราคาหุ้นขึ้นมาแรงและสูง แต่ราคาไปต่อทำให้ระยะ 4 สัปดาห์คุณ Druckenmiller ขาดทุน 600 ล้านเหรียญ ทำให้พอร์ตเกิด drawdown -17% ในช่วงกลางปี 1999
-เขาเปลี่ยนมุมมองคิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแรงกว่าประเทศอื่นที่กระทบจาก asian financial crisis และอินเตอร์เน็ตน่าจะบูมและเติบโต คุณ Druckenmiller จ้างทีมงาน ผู้บริหารพอร์ตอายุน้อยมาช่วยลงทุนซื้อหุ้น Tech stock ตลาดยังมีเงินเข้าไปต่อ จบปี 1999 พอร์ตกลับมาบวกราวๆ +42%
- ต้นปี 2000 คุณ Druckenmiller มองว่ามันไม่ปกติ เลยขายหุ้น tech stock ทั้งหมดมูลค่ากว่า 6 billion ออก , แต่มีพอร์ตย่อยใน quantum fund ที่ยังเดินหน้าลงทุน tech stock ต่อทำผลตอบแทน 4-5% ต่อวัน ตลาดยังขึ้นแรงต่อในเดือน มีค. 2000 ทำให้คุณ Druckenmiller เริ่มเสียความมั่นใจและหงุดหงิดที่พลาดโอกาส ทำให้คุณ Druckenmiller เริ่มเข้าซื้อหุ้น tech stock ใหม่ เขารู้เลยว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ใช้อารมณ์ , ราวๆสัปดาห์ตลาดร่วงหนัก ทำให้กองทุนขาดทุนจากก่อนหน้า +14% เหลือแค่ 1% ในช่วงสัปดาห์
- ความเครียด ความหงุดหงิดจากตลาดที่เกิดสองรอบ ทำให้ คุณ Druckenmiller เดินเข้าไปหา soros เพื่อบอกว่าจะออกจากตลาด หยุดเทรด ช่วงนั้นเป็นช่วงตลาด nasdaq ร่วงหนัก กว่าจะขายหุ้นได้หมด กองทุนทั้ง quantum fund และ Duquesne ต่างขาดทุนราว -17% และ คุณ Druckenmiller รู้สึกเหนื่อยจากการทำงานหนักกว่า 12 ปี คุณ Druckenmiller ขายสินทรัพย์ทั้งหมดในพอร์ตของ Duquesne แล้วขอลาพักงาน แบบไม่มีกำหนด
-คุณ Druckenmiller กับครอบครัวไปเที่ยว พักผ่อนแอฟริกาช่วง summer และช่วงนั้นคุณ Druckenmiller ไม่ได้ดู TV หรืออ่านหนังสือพิมพ์วอลสตรีท ไม่ติดตามตลาดเลยตลอด 4 เดือน , เมื่อช่วง พค. คุณ Druckenmiller เดินทางกลับมา ตลาดเริ่มฟื้นตัว แต่มีสัญญาณไม่ปกติอื่นๆ เช่น USD แข็ง, Oil ขึ้นรุนแรง, อัตราดอกเบี้ยขึ้น ทำให้คุณ Druckenmiller เชื่อว่าเศรษฐกิจอาจจะมีปัญหา เลยคุณ Druckenmiller ซื้อสะสมพันธบัตรรัฐบาล เมื่อเศรษฐกิจถดถอย ,ทำให้ปีไตรมาส 4 ปีนั้นทำกำไรได้ +40% ชดเชยที่ขาดทุนก่อนหน้าต้นปี
- เขาสรุปว่าการพักงานทำให้คุณ Druckenmiller กลับมาเริ่มต้นใหม่แบบว่างเปล่า สมองปลอดโปร่ง วิเคราะห์ตลาดและดูข้อมูลได้แบบ
4. เรื่องคำแนะนำสำหรับคนรุ่นใหม่
- คุณ Druckenmiller เป็นคนที่ทำงานหนัก กิจวัตรประจำวันตื่นตี 4 อ่านข่าว อ่านบทความ ติดตามตรวจสอบข้อมูลตลาดต่างๆ จากนั้น 05.30 อาบน้ำแล้วเดินทางไปทำงาน คุณ Druckenmiller นอนตอน 8.30 -9.00pm หลังดูตลาดญี่ปุ่นเปิดทำการ
- คุณ Druckenmiller อายุ 71 ปีทำงานบริหารเงินไปเรื่อยๆ ไม่มีแผนเกษียณ รักในการทำงาน ชื่นชอบตลาดการเงิน ทำให้คุณ Druckenmiller มีพลังและรู้สึกดีที่ได้ทำงานกับคนต่างวัย ที่อายุน้อยกว่า
- คำแนะนำคนรุ่นใหม่ , ถ้าทำเพื่อหวังเงินคุณ Druckenmiller แนะนำควรไปทำอย่างอื่น เพราะจะไม่มีทางชนะคนที่ชื่นชอบ ที่มี passion ในเกมส์นี้ ที่ทำสำคัญมันไม่ใช่เกมส์ที่สนุกโดยเฉพาะถ้าคุณขาดทุน ไม่ต้องเริ่มจากการเรียนสูงเรียน MBA ก็ได้, อีกทางคือหา mentor ที่ประสบความสำเร็จและมีประสบการณ์ในตลาด ซึ่งต้องพยายามหาโอกาสให้ได้ทำงาน เรียนรู้ สะสมความรู้และลงมือทำ เพื่อไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ
.