นำรีวิวหนังสือ "Moving Beyond MPT" ของ Dr. Todd Petzel’ ปัจจุบันเป็น CIO ที่ Offit Capital Advisors LLC. เป็นอีกท่านที่มีชื่อเสียงมาจากสายวิชาการและเข้ามาเป็นผู้บริหารกองทุนในตลาดมาหลายสิบปี , หนังสือเล่มนี้ออกมาปี 2021 ผมเพิ่งมีโอกาสซื้อมาอ่าน แล้วรู้สึกชอบเลยจะนำมาแบ่งปันรีวิวเอาไว้ครับ
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือ Portfolio Management ที่ใช้ได้ทั้งนักลงทุนและเทรดเดอร์ , เขียนอธิบายภาพรวมดี เล่าเรื่องเป็น step ขั้นตอนในการสร้างพอร์ตโฟริโอ แม้หนังสือมีเรื่องของโมเดลและตัวเลขบ้าง ไม่มากไม่ยากเทียบกับเล่มอื่นๆ แต่สิ่งที่น่าสนใจของเล่มนี้คือ จับประเด็น ข้อจำกัดและข้อคิด เกี่ยวกับตลาดในปัจจุบัน ที่มีผลต่อ Modern Portfolio Theory (Harry Markowitz ,1952) มาเขียนและอภิปราย
จุดที่ผมชอบมากคือ พูดถึงจุดสำคัญและข้อจำกัดของ MPT โดยเฉพาะข้อจำกัดที่เกิดจากความไม่มีประสิทธิภาพของตลาดในปัจจุบัน, อันส่งผลต่อ asset price และทำให้ยากที่จะโมเดลผลตอบแทนและความเสี่ยงเป็นไปตามที่คาดหวัง , นอกจากนี้ยังมีเรื่องของพฤติกรรมของตัวนักลงทุน/ผจก.กองทุน ผ่านการอธิบายเรื่องของ Behavioral Finance หลายประเด็น ที่กระทบต่อการตัดสินใจซื้อ/ขายสินทรัพย์ เช่น Loss Aversion ,Endowment effect และ Anchoring เป็นต้น, หนังสือบอกเล่าแนวคิดการสร้างพอร์ต ที่ทำให้เราสามารถเอาเอาชนะหรือลดผลจากภาวะทางอารมณ์ที่เกิด , สามารถนอนหลับได้ดี เช่นเดียวกันก็ไม่ใช่การหนีความเสี่ยงจนพลาดโอกาสสร้างการเติบโต
เป้าหมายของการจัดพอร์ตที่เหมาะสม ที่หนังสือเล่มนี้พยายามจะสื่อ คำว่า Moving beyond MPT ก็คือการจัดพอร์ตที่ยั่งยืนระยะยาว ที่เหมาะสม ความเสี่ยง ที่สอดคล้องไปกับเป้าหมายของเรา ไม่ใช่การวัดผลแค่สร้าง return ชนะตลาดหรือตัวอ้าง benchmark ทุกปี (rebalancing มากเกินไป, หรือ active มากเกินไป) ไม่ติดกับดักการ optimization หรือการ simulation มากไป
ไม่ใช่แค่คาดหวังผลตอบแทนด้านตัวเงิน($) แต่อาจจะมองในเทอม์ของผลตอบแทนรูปแบบอื่นๆ เชิงคุณภาพเพื่ออนาคต ร่วมด้วยประกอบไป เขาพูดถึงการลงทุนในหุ้น ESG และการวางแผนให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจสังคมที่เติบโตทั้งตลาดระยะยาว(อุดมคติพอควรเลย) และช่วยกันแก้/ป้องกัน risk factor ที่กระทบต่อสินทรัพย์หลายตัว+สังคม สิ่งแวดล้อม เช่น climate change,deforestation , corporate governance เป็นต้น
รวมถึงการใส่ใจรายละเอียดใน asset เลือกลงทุนหรือเก็บเข้าพอร์ต เพื่อจำกัดความเสี่ยงด้วย ไม่ใช่ซื้อตามกระแส แต่ควรต้องศึกษาข้อมูลจริงๆ รวมถึงมีบทท้ายๆที่ผู้เขียนเล่าถึงวิกฤติการเงิน , ภาวะไม่ปกติของตลาดที่เกิดในอดีตกับ Market bubble , Market crash เช่น subprime 2008 กระตุ้นให้เราไม่ควรประมาท เพราะวิกฤติมันเกิดแบบไม่ตั้งตัว หลังจากช่วงตลาดดี ผลตอบแทน asset ดีติดต่อกัน 2-3 ปี ดังนั้นถ้าประมาทใช้ข้อมูลอดีตมารันโมเดล ไม่บริหารความเสี่ยงให้เหมาะสม โอกาสพลาดเจอขาดทุนหนักย่อมเกิดได้แน่นอน
เป็นหนังสือที่น่าสนใจทีเดียว จริงๆถ้าใครอยากเรียนเรื่อง Portfolio Management แนะนำให้ลองหามาอ่านครับ เล่มนี้ผมให้ 4/5 ดาว เปิดมุมมองในหลายด้านดี