ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ค่าเงินบาทกับทุนสำรองของไทย

 พอดีเมื่อเช้าได้ฟังเรื่องค่าเงินบาทกับทุนสำรองของไทยมา เลยอยากเขียนบันทึกเรื่องนี้ไว้ ชวนให้พวกเราติดตามกันอย่างใกล้ชิด (ย้ำไม่ใช่เพื่อการ panic แต่อย่างใด)

ถ้าจำกันได้ย้อนไปไม่นานเดือน ธค. ปลายปี 2021 ประเทศไทยมีข่าวติดอันดับทุนสำรองระหว่างประเทศสูงเป็นอันดับที่ 12 ของโลกที่ 10 ล้านล้านบาท(2.78 แสนล้านดอลลาร์) แต่ผ่านมาไม่ถึง 8 เดือนข่าวตอนนี้ที่ออกมาคือ ทุนสำรองไทยลดลง 1.3 ล้านล้านบาท (-3.8 หมื่นล้านดอลลาร์) หลุดระดับ 2.2 แสนล้านดอลล่าร์เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี
ข้อมูลจาก Bloomberg ระบุว่า ประเทศไทยมีอัตราส่วนเงินทุนสำรองต่อ GDP ลดลงมากที่สุดในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ในเอเชีย โดยลดลงจาก 48.6% ณ สิ้นปี 2021 มาเหลือ 43.1% ในปัจจุบัน
สิ่งที่น่าสนใจและเกิดขึ้นในช่วงคาบเวลานั้นคือ ค่าเงินบาท ที่ผันผวนและอ่อนค่าลงอย่างหนักมากในปี 2022 นี้ ล่าสุด(19-Sep) เงินบาท USDTHB อยู่ที่ระดับ 37.00 บาท/ดอลลาร์ เช่นเดียวกับการแข็งค่าของ USD ในช่วงภาวะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างก้าวร้าวของ Fed โดย USD แข็งจากต้นปีกว่า 15.36%
ด้านแบงค์ชาติ แถลงว่า ยังปลอดภัย ไทยยังมีฐานะด้านต่างประเทศที่แข็งแกร่งจากระดับเงินสำรองฯ ที่อยู่ที่ประมาณ 2.4 แสนล้าน ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น 48% ของ GDP และยังสูงกว่าหนี้ต่างประเทศระยะสั้นของไทยถึงเกือบ 3 เท่า
นำข้อมูลตัวเลขและข่าวมาให้ติดตามกันต่อ ว่าต่อนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้น ถ้า
- เงินเฟ้อสหรัฐยังไม่ปรับลดลง
- Fed ยังเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อ ตามเป้าไป 3.75-4% ปีนี้
- ค่าต่างของดอกเบี้ยสหรัฐกับอัตราดอกเบี้ยไทย ,มีผลต่อการไหลของ Fundflow หรือการเคลื่อนย้ายเงินทุน)
- USD ยังแข็งต่อเนื่อง ทะลุไปโซน 110.0
- เงินบาท THB ยังอ่อนค่าไม่หยุด เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ
- เงินทุนสำรองลดลงต่อเนื่อง (มูลค่าสินทรัพย์ลดลง เช่น ค่าเงินสกุลตปท.(EUR,JPY,CHF), ทองคำ+มูลค่าตราสารหนี้,และ การใช้ทุนสำรองเพื่อแทรกแซง(พยุง)ค่าเงินบาท)
- เศรษฐกิจโลกถดถอย , เศรษฐกิจไทย GDP ของไทยถดถอย
- ราคาน้ำมันและสินค้านำเข้า ต่างประเทศแพง เพิ่มสูงขึ้นมากจากค่าเงินบาทอ่อนหนัก
โพสนี้ผมไม่ได้ตีความ เพราะไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์ ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน และไม่ได้บอกว่าต้อง panic แต่ย้ำ อยากบอกให้ติดตามอย่างใกล้ชิด และอย่าประมาทคิดว่าเศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงปกติ เพราะสิ่งที่ชัดเจนมากในปัจจุบันคือ มันกำลังไม่ปกติ และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย มากน้อยแค่ไหน คงติดตามดู