ผมตาม BondETF มาตั้งแต่ต้นปี หลายกองเริ่มขยับปริมาณเงินทุนไหลเข้าแบบมีนัยยะมากขึ้น ,เหตุผลหนึ่งที่นวค.มองไว้คือ ประเด็น รัสเซีย-ยูเครน ที่ความเสี่ยงจะเกิดสงครามมีสูงมากขึ้นทุกขณะ , เงินทุนมีโอกาสออกจากสินทรัพย์เสี่ยงเข้าสู่ตลาดพันธ์บัตร (สินทรัพย์ปลอดภัย) มากขึ้น ประเมินว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10Y อาจจะพุ่งแตะ 2% ในปีนี้, บวกกับในช่วงอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นของปี 2022 ยิ่งทำให้ Earning Yield Gap แคบลงเรื่อยๆ สร้างแรงดึดดูดเม็ดเงินให้ไหลกลับเข้าสู่โหมด RiskOff มากขึ้น
Bond ETF ก็คือกองทุน ETF ที่ไปลงทุนในตลาดพันธ์บัตร ,ข้อดีคือมีสภาพคล่องสูง(กว่าการเทรดพันธ์บัตรโดยตรง),ซื้อขายสะดวก และใช้เงินทุนจำนวนไม่มากก็สามารถซื้อได้(ถ้าซื้อ Bond โดยตรงอาจจะใช้เงินขั้นต่ำที่สูงกว่า) ,แต่ละกองทุน Bond ETF โดยเฉพาะกองทุนในสหรัฐ ก็จะกระจายการลงทุนในตราสารหนี้หลายรุ่น บางกองมีผสมทั้งตราสารหนี้รัฐบาลและเอกชน{เสี่ยงปานกลาง+เสี่ยงต่ำ} เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่เหมาะสมกับความเสี่ยง , โดยผลตอบแทนจากซื้อกองทุนได้จาก กำไรจากส่วนต่างราคาซื้อขายของหน่วยลงทุน และดอกเบี้ยที่กองทุนจ่ายให้แบบปันผล
ประเภท Bond ETF ยังมีแบบ Passive และ Active Fund ,กรณีที่ต้องการถือยาวค่าธรรมเนียมต่ำสามารถเลือกแบบ Passive ได้
Bond ETF เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของสินทรัพย์ที่เราใช้กระจายความเสี่ยงในพอร์ตของเราได้ ในยามภาวะเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนด้านสงครามในขณะนี้ ส่วน Bond ETFของไทยอาจจะมีไม่มาก(ถ้าจะจำไม่ผิดมีตัวเดียว ABFTH แต่จะมีประเภทกองทุนรวม (Mutual Fund) หลายตัวเลย), แต่ในตลาดสหรัฐ Bond ETF มีหลายตัวและหลายประเภท และหลายตัวมีผลตอบแทนปรับความเสี่ยง ที่ดีในช่วงหลายปีที่ผ่านมาครับ