ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

tiny-house movement

 วันหยุดได้นั่งดูคลิปรายการ tiny house nation บนเน็ตฟลิกและไล่ดูคลิปบน Youtube ช่อง Living Big In A Tiny House หลายสิบตอนมาก เรียกว่านั้งดูเพลินเลย เพราะรวมทั้งงานออกแบบที่น่าสนใจสวย(มีทั้งแบบเรียบ เท่ห์และดูหรู) รวมไปถึงการพัฒนาเฟอร์นิเจอร์และวิธีการใช้พื้นที่ให้มีประสิทธิภาพเพราะขนาดพื้นที่จำกัด ส่วนใหญ่ tiny-house ขนาดเฉลี่ยประมาณ 37 ตรม. แต่ก็แบ่งย่อยไปอีกเช่น สร้างเองใช้ตู้คอนเทรนเนอร์ 1-2 ตู้ก็จะใหญ่หน่อย หรือถ้าเป็นแบบ on wheel แบบตู้คอนเทรนเนอร์บนหัวลากเคลื่อนที่ได้ ขนาดก็จะเล็กตามมาตรฐานของถนน(13.5-feet * 8.5-feet *40-feet )

การตกแต่งนี้ก็น่าสนใจเพราะมันคือกล่องและเล็ก การใช้แสง, การจัดวางเฟอร์นิเจอร์, การใช้สี ทุกอย่างมีผลหมดเลย ทั้งห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนอน ห้องนั่งเล่น หลายบ้านมีโมเดลการออกแบบและสร้างมันอย่างน่าสนใจ ในขณะที่เรื่องฟังก์ชั่น เช่นการระบายอากาศ,การป้องกันความหนาว,การทำความร้อน ก็ใช้งานอยู่อาศัยได้จริง เช่นเดียวกันกับระบบน้ำและระบบไฟ หลายบ้านมีโมเดลการประหยัดพลังงานที่น่าสนใจ เช่นการใช้โซลาร์เซลล์, การใช้ composting toilet หรือไปแบบ Off-The-Grid เลยก็มี นอกจากนี้สิ่งหลายบ้านมีคล้ายกันคือนอกชาน(decking area) ที่กว้างและทำแบบโครงสร้างที่เคลื่อนย้ายได้ ซึ่งการเคลื่อนย้ายนี้เป็นอิสระอีกอย่างของ tiny house ที่หลายหลังวิว หรือที่จอดบ้านระดับเทพเลยจริงๆ




ที่น่าสนใจของ tiny-house movement ไม่ใช่แค่ตัวบ้านที่เล็กแต่เต็มประสิทธิภาพ อยู่สบาย แต่เป็นเรื่องของอิสระทางการเงิน (อันนี้เป็นแนวคิดเฉพาะกลุ่ม) ที่เกือบทุกรายการพูดถึง คนเลือกสายนี้เป้าหมายคือ ไม่ต้องการเป็นหนี้ 20-30ปี เพื่อซื้อบ้านหรือต้องทำงานแบบเอาเป็นเอาตายเพื่อหาเงินโป๊ะ&ผ่อนบ้าน พวกเขาเลือกอยู่บ้านเล็กเพื่อไม่ต้องทำงานหนัก,เลือกทำงานทำธุรกิจที่อยากทำ หรือเลือกเก็บเงินเพื่อไปใช้เกษียณและท่องเที่ยว ด้วยต้นทุนการสร้างบ้าน tiny house เฉลี่ยราวๆ 20k-$50k (แพงสุดบางคนเลือกแบบหรูๆก็อาจจะ $100kแต่ยังถูกกว่าบ้านหลังใหญ่มาก) ระยะยาวถูกกว่าค่าเช่าและสามารถผ่อนหมดในเวลา1-2ปี จึงทำให้ทางเลือกนี้กลายเป็นอีกทางของ "อิสระ" ด้านทางการเงิน ไม่ได้รวยแบบให้เงินทำงานแทนนะ เพียงแต่ไม่ต้องเป็นหนี้ก้อนโต ผ่อนยังเกษียณเท่านั้นเอง และนอกจานี้ยังอิสระที่จะย้ายหรือเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมที่อยู่อีก (มีบางคนเก็บเงินเช่าทีดินวิวสวยแต่อยู่tiny-house พอ4-5ปีเบื่อวิวก็เปลี่ยนที่ดินแปลงใหม่ )
ด้านบวกอื่นๆที่เห็นเป็นเรื่องประหยัดพลังงาน, การเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม,รวมไปถึงด้านสังคมที่บางเมืองในอเมริกา มีการสร้าง tiny-house ให้คนจน แรงงานรายวันอยู่แทนที่ต้องไป นอนไร้บ้าน ,นอกจากนี้ยังมีบางคนทำ tiny-house บนพื้นที่วิวสวย, ไร่เกษตรติดภูเขา เพื่อการปล่อยเช่าเช่น Airbnb อีกด้วย
บันทึกเรื่องนี้ไว้เพราะส่วนตัวคิดว่ามันน่าสนใจดี ได้ฟังความคิดหลายคนในรายการก็พบว่า ความหมายของคำว่า "บ้าน" แตกต่างไป โดยเฉพาะคนที่เชื่อว่า บ้าน คือที่พัก ไม่ใช่ ภาระ หรือ พันธนาการ ที่ล่ามตัวเจ้าของบ้านไว้ตั้งแต่ในวันแรกที่ซื้อ หรือคำถามที่ว่า จำเป็นไหมที่เราต้องซื้อบ้านหลังใหญ่เพื่อเป็นหน้าตาทางสังคมเพียงเพราะเงินเดือนสูงหรือหน้าที่การงานดี?