ตอนนี้กำลังตีโจทย์ออกแบบระบบที่ fix ขนาดของ MaxDD (ระดับเดือน 10%)และ Daily loss อยู่ จริงๆมันก็ไม่ยากถ้าไม่มีโจทย์เรื่อง Profit tatget ที่ 10% เข้ามาด้วย เพราะปกติสองด้านนี้มันสองสายเลย ความยากมันจึงเกิด จริงๆแล้ว Return นี้มันไม่อาจจะควบคุมเพราะมันแปรผันไปตามภาวะตลาดและราคา asset แต่ Risk หรือความเสี่ยงเราคุมได้สบายๆ พอโจทย์มันจับสองตัวมาผูกกัน(เข้าใจว่าเขาพยายามจะทำให้ผ่านยาก) ตรงนี้แหละปัญหา
วันนี้ได้ฟัง podcast อันหนึ่งของ Perry Kaufman จากรายการ toptradersunplugged เขาพูดถึงการใช้ Volatility Targeting ไอเดียโดยสรุปคือการคำนวณ volatility ของพอร์ต เพื่อใช้กำหนดขนาดของ position size และการใช้ leverage ในกลยุทธ์การเทรดของ system , แนวทางของ Kaufman ใช้การคำนวนvolatility ของพอร์ตจาก mean 40 day return ซึ่งตั้ง target ที่ 12%
ถ้า portfolio มันเคลื่อนเกิน 12% เขาก็จะ stoploss หรือปรับลด position ลง โดยเฉพาะ position ที่ใช้ leverage , ขณะที่ถ้า portfolio volatility ต่ำกว่า 12% เขาจะดึง volatility ขึ้นการใช้ leverage เพื่อเพิ่มขนาด position size ในช่วง low volatily เพื่อบูต return ของพอร์ต (เทคนิคอันนี้ต้องอาศัยการคำนวณพอควรเพราะ กรณีระบบผสมหลาย product มากกว่า 1 ตัว ต้องมองหาการกระจายของ volatility ย่อยเพื่อเลือกลดหรือเพิ่ม position ที่เกิดประสิทธิภาพต่อพอร์ตรวมเช่นกัน)
เทคนิคVolatility Targeting นี้ เป็นการปรับการใช้ levergage แบบ dynamic ตาม performace ของพอร์ต และการปรับปรุง risk adjusted return รวมถึง Protect Risk ที่เกิดจากภาวะตลาดจริง ซึ่ง Kaufman กล่าวว่าบางทีมันยากที่จะคุมล่วงหน้าได้ทั้งหมด สุดท้ายปัจจัยใหม่เพิ่ม risk จะโผล่ออกมา กระทบต่อ performace system ,การทำ volatility stabilization ดีกว่าปล่อยให้ระบบทนรับขาดทุน, ทนเกิด MaxDD ไปตามภาวะตลาด
ปล. เทคนิคนี้คล้ายที่ Rob Carver แต่ในหนังสือ Rob ใช้ Volatility Target ที่ 20-25% เทคนิคการคำนวณ volatility จาก portfolio แตกต่างไป ขณะที่เขาเลือก asset ที่มี low price volatility ประกอบร่วมกับการทำ Volatility Targeting
ยังมีอีกหลายประเด็นในคลิปนี้ของ Perry Kaufman นี้ดีมากใครสนใจเรื่องพวกนี้ ลองเข้าไปฟังฉบับเต็มๆ ในประเด็นต่างๆได้ที่