วันนี้ได้ฟัง podcast ของ Tim Ferriss เขาพูดถึง Work-Life Balance ได้น่าสนใจมาก เขากล่าวว่า การสมดุล"งานกับชีวิต" เป็นปัญหาที่ทุกคนต้องเผชิญ แนวคิดการ work hard มันอาจจะไม่ได้ใช้ได้เสมอไปกับทุกคน โดยเฉพาะ คนที่มีครอบครัวในวัย 30 ขึ้นไป
เพราะการมีเวลาจำกัด มีภาระในชีวิตที่มากกว่าตัวคนเดียว "เวลา" กลายเป็นสิ่งที่มีค่ามาก การไปทุ่มให้ทั้งหมดกับ งานที่ทำ มันจึงไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด ยังไม่นับรวมปัญหาสุขภาพที่เกิด จากความเครียดและการทำงานหนัก
Tim ยกตัวอย่าง CEO หลายคนที่ประสบความสำเร็จ คนเหล่านี้ใส่หมวกหลายใบ ทำทั้งงานจนสำเร็จและมีเวลาดูแลครอบครัว รวมถึงทำกิจกรรมอื่นๆเพื่อสังคมอีก
โดยสรุปเขาแนะนำให้หาแนวทาง Work-Life Balance ที่เฉพาะแต่ละคน โดยเราต้องมีเป้าหมาย มีแผนชีวิตและที่สำคัญ ไม่จำเป็นต้องแบ่งแบบ 50-50 หรือคงที่เสมอไป อาจจะแปรผันตามช่วงเวลาอายุ เช่น วัย 30 วัย 40 แผนเปลี่ยนได้ ตามสถานะการณ์ แต่สิ่งสำคัญคือต้องคิดและวางแผน
ด้านการทำงานเขาแนะนำ Work Smart แทน Work Hard รู้จักบริหารจัดการเวลา อย่างมีประสิทธิภาพ บวกกับการสร้างวินัย บังคับตัวเราให้โฟกัสในแผน ตั้งใจทำงานให้เสร็จตามช่วงเวลาที่วางไว้อย่างมีคุณภาพ นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องของการใช้ เทคโนโลยี ช่วยให้ทำงานได้เกิดสะดวก ทุกที่ ทุกเวลาทำให้ยืดหยุ่น สุดท้ายถ้า work smart ในองค์กรหรือบริษัทที่ดี ไม่จ้องเอาเปรียบใช้งานพนักงานมากเกินไป ชีวิตมันก็จะลงตัวได้มีความสุข และสามารถก้าวหน้า พัฒนาตัวเองได้เช่นกัน
อีกตัวอย่างของ Work-Life Balance ที่มีการกล่าวคืออิงแนวคิดของคุณ ray dalio ที่วาง principle การทำงานของบริษัท Bridgewater ด้านสมดุลชีวิตและงาน โดยในภาพจะเห็นว่า บริษัทมีผลงานดี ไม่ใช่มาจากการบังคับให้พนักงาน ทำงานหนัก หามรุ่งหามค่ำจนตายคาโต๊ะ แต่ตรงข้ามองค์กรสนับสนุนให้พนักงานทำงานอย่างฉลาด มีประสิทธิภาพ ทำงานแบบเป็นทีมช่วยเหลือกัน เพื่อสร้างงานคุณภาพดีทำงานอย่างมีความสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดี