Global Economic Data สำคัญที่ต้องติดตามดู นำเสนอโดย Shane Oliver แห่ง AMP Capital
1. Global business conditions PMI
Global PMI ของกลุ่มอุตสาหกรรมหลักและบริการในประเทศหลักของโลก นั้นชะลอและ slow down จากจุด Peak สะท้อนถึง global growth ในอนาคตที่อาจจะไม่สดใสนักในปีนี้
Global PMI ของกลุ่มอุตสาหกรรมหลักและบริการในประเทศหลักของโลก นั้นชะลอและ slow down จากจุด Peak สะท้อนถึง global growth ในอนาคตที่อาจจะไม่สดใสนักในปีนี้
2.Global inflation
ติดตามการเพิ่มของ inflation ในประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลก ในภาพจะพบ สหรัฐและจีน Inflation ยังอยู่ระดับ 2% ส่วนยุโรป ค่า inflation เริ่มยกกลับขึ้นมาระดับ 1% หลังนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันยังต่ำกว่าช่วงวิกฤติการเงินปี 2007-2008 อยู่ เช่นเดียวกับ ญุี่ปุ่นที่ inflation อยู่ระดับต่ำห่างจากเป้า 2% ก่อนหน้ามาก แม้จะปรับตัวขึ้นได้ในช่วงปี 2017 2018 จากนโยบายของ BOJ
ติดตามการเพิ่มของ inflation ในประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลก ในภาพจะพบ สหรัฐและจีน Inflation ยังอยู่ระดับ 2% ส่วนยุโรป ค่า inflation เริ่มยกกลับขึ้นมาระดับ 1% หลังนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันยังต่ำกว่าช่วงวิกฤติการเงินปี 2007-2008 อยู่ เช่นเดียวกับ ญุี่ปุ่นที่ inflation อยู่ระดับต่ำห่างจากเป้า 2% ก่อนหน้ามาก แม้จะปรับตัวขึ้นได้ในช่วงปี 2017 2018 จากนโยบายของ BOJ
3.US yield curve
ติดตามความไม่ปกติ ระดับ short rates วิ่งยกตัวขึ้นใกล้เคียงระดับใกล้เหนือ long rates สะท้อนพฤติกรรมตลาด ความเชื่อมั่นในอนาคตเศรษฐกิจระยะยาว ที่อาจจะดูไม่ดีนัก ส่วน GAP ของ 10Y bond yields และ the Fed Funds rate นั้น flat ระดับ 1.2% , ด้านGAP ของ 2Y bond yields และ the Fed Funds rate นั้นเพิ่มขึ้นแบบชัน ตรงนี้ใช้เป็น signal สำคัญ ที่ใช้ติดตามการเกิดภาวะวิกฤติเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด
ติดตามความไม่ปกติ ระดับ short rates วิ่งยกตัวขึ้นใกล้เคียงระดับใกล้เหนือ long rates สะท้อนพฤติกรรมตลาด ความเชื่อมั่นในอนาคตเศรษฐกิจระยะยาว ที่อาจจะดูไม่ดีนัก ส่วน GAP ของ 10Y bond yields และ the Fed Funds rate นั้น flat ระดับ 1.2% , ด้านGAP ของ 2Y bond yields และ the Fed Funds rate นั้นเพิ่มขึ้นแบบชัน ตรงนี้ใช้เป็น signal สำคัญ ที่ใช้ติดตามการเกิดภาวะวิกฤติเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด
4.US dollar
ปี 2018 US dollar ปรับตัวแข็งต่อเนื่องปัจจุบันระดับ 94 จากนโยบายและท่าทีของ Fed ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และภาวะช่วงการต่อรองทางการค้าจีนและสหรัฐ ถ้า US dollar แข็งต่อเนื่องรุนแรง กดดันค่าเงินประเทศ EM และประเทศ EM ที่หนี้สกุล USD อาจจะเข้าสู่ภาวะ Debt crisis หรือมีต้นทุนการชำระหนี้ที่สูงขึ้น กดดันการโตของเศรษฐกิจ
ปี 2018 US dollar ปรับตัวแข็งต่อเนื่องปัจจุบันระดับ 94 จากนโยบายและท่าทีของ Fed ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และภาวะช่วงการต่อรองทางการค้าจีนและสหรัฐ ถ้า US dollar แข็งต่อเนื่องรุนแรง กดดันค่าเงินประเทศ EM และประเทศ EM ที่หนี้สกุล USD อาจจะเข้าสู่ภาวะ Debt crisis หรือมีต้นทุนการชำระหนี้ที่สูงขึ้น กดดันการโตของเศรษฐกิจ
5. World trade growth
นโยบาย กำแพงภาษีของ Trump เพื่อต่อรองการขาดดุลกับประเทศต่างๆ เช่นทั้งจีน ยุโรป ญี่ปุ่น แคนนาดา เริ่มก่อให้เกิดแรงกดดันต่อเศรษฐกิจโลก และผลกระทบต่อปริมาณการค้าขายระหว่างประเทศ ข้อมูลพบช่วง 2 ปีที่ผ่านมา World trade ปรับตัวลดลงจากจุด Peak อย่างมีนัยยะ นักวิเคราะห์มองว่าการตอบโต้ระหว่างกันในการขึ้นกำแพงภาษี เช่นกรณีจีนและสหรัฐอาจจะนำไปสู่ trade war ที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก
นโยบาย กำแพงภาษีของ Trump เพื่อต่อรองการขาดดุลกับประเทศต่างๆ เช่นทั้งจีน ยุโรป ญี่ปุ่น แคนนาดา เริ่มก่อให้เกิดแรงกดดันต่อเศรษฐกิจโลก และผลกระทบต่อปริมาณการค้าขายระหว่างประเทศ ข้อมูลพบช่วง 2 ปีที่ผ่านมา World trade ปรับตัวลดลงจากจุด Peak อย่างมีนัยยะ นักวิเคราะห์มองว่าการตอบโต้ระหว่างกันในการขึ้นกำแพงภาษี เช่นกรณีจีนและสหรัฐอาจจะนำไปสู่ trade war ที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก
อ้างอิง
https://au.investing.com/analysis/five-charts-to-keep-an-eye-on-regarding-the-global-economy-200198910