จริงหรือที่ว่าไม่ฉลาดเลยทำให้ขาดทุน
มีคำถามหนึ่งมาทาง email จริงๆไม่เชิงถามปรับทุกข์จากการขาดทุนมากกว่า แต่เขาทิ้งทาย ไว้น่าสนใจ อารมณ์ประมาณว่า เป็นเพราะเขาไม่ค่อยฉลาด หรือเปล่าที่ทำให้ขาดทุนอย่างนี้?
มีคำถามหนึ่งมาทาง email จริงๆไม่เชิงถามปรับทุกข์จากการขาดทุนมากกว่า แต่เขาทิ้งทาย ไว้น่าสนใจ อารมณ์ประมาณว่า เป็นเพราะเขาไม่ค่อยฉลาด หรือเปล่าที่ทำให้ขาดทุนอย่างนี้?
ผมตอบไปยาวพอควร แต่อยากเอาเรื่องที่ตอบมาแชร์ เพราะเชื่อว่า ลึกๆเวลาที่ท่านเจอ bad day วันขาดทุนขาดทุนหนัก
โอกาสจะ มีความคิดแบบนี้วูบเข้ามาก็อาจจะมีได้
มีเพื่อนผมคนหนึ่งเคยกล่าวว่า "ความโง่" นี่มันเป็นประเด็นปมด้อยที่คนทั่วไปมักเอามาซ้ำเติมตัวเองได้เสมอ
แต่การเทรดหุ้น หรือการลงทุน ผมว่า ความโง่ มันไม่ได้เป็นเหตุผลหลักในการ ล้มเหลว หรือขาดทุน เสมอไป
แน่นอน กรณีที่ไปหลงเชื่อ ข้อมูลที่ผิด หรือฟังความเห็นที่ผิด และตัดสินใจซื้อขายตามอันนั้นอาจจะเรียกโง่ได้
แต่กรณีที่ เป็นความโง่โดยกำเนิด หรือความโง่ ตามระดับ IQ ผมว่ามันไม่ได้มีผลมากขนาดนั้น
เพราะการเทรด มันเป็นการตัดสินใจ ซื้อขาย ที่บางครั้ง ไม่ต้องใช้ สติปัญญาขั้นสูงในการวิเคราะห์อะไรมาก เมื่อเทียบอย่างการแก้ปัญหาคณิตศา่สตร์ หรือพิสูจน์สมการระดับโลก อะไรแบบนั้น
เพียงแค่ มีสติ มีปัญญา รับมือกับอารมณ์ ความกดดันได้ ตัดสินใจ ไปตามแผนตามระบบ ที่เตรียมมาอย่างดี โอกาสล้มเหลว หรือขาดทุน หนัก มันก็ไม่เกิดแล้ว เพราะเรารับมือ กับความเสี่ยงที่เกิดได้เสมอ
ที่นี่ถ้ายังไม่เชื่อ ผมอยากเอาตัวอย่างเรื่องราวของบุคคลที่ฉลาดที่สุดในโลก เช่น ท่านเซ่อร์ ไอแซค นิวตัน บุคคลท่านนี้ ใครเรียนวิทยาศาตร์ต้องรู้จัก ชายคนนี้กับผลแอปเปิ้ล(สังเกตการตกของลูกแอบเปิ้ล) ผู้คิดค้น ทฤษฏีแรงโน้มถ่วง อันโด่งดัง และกลายเป็นรากฐานของ แรง g ที่ทำให้เกิดผลทางการนำไปใช้ต่อยอดมากมาย
นิวตัน เป็นตัวแทนของคนฉลาด อัจริยะ นักฟิสิกส์ผู้คิดคนกฏอันเป็นประโยชน์และสมการที่ซับซ้อน
แต่เขาเองก้ต้องมาพลาด ในเกมส์เก็งกำไรในตลาดหุ้น เป็นเหยื่อให้กับฟองสบู่
นิวตัน ทำงานเก็บเงิน มีชื่อเสียง เขาเริ่มแสวงหาอิสระภาพทางการเงิน ด้วยการเข้ามาในตลาดหุ้น
ตอนนั้น ตลาดเก็งกำไร สร้างผลตอบแทนหลายเท่า มันมีโฆษณาชวนเชื่อมานานแล้ว
ตั้งแต่ในยุคนั้น เพราะมนุษย์เกิดมาพร้อมกับความโลภ และความอยากมี กันทุกคน
นิวตันในยุค 1719 เขาเองเริ่มเข้ามาในตลาดหุ้น ลงทุนกินเงินปันผล แต่แล้วก็มาพลาดในตอนวิกฤติ South Sea Bubble
ด้วยแนวคิดที่ ต้องการได้เงินมากๆ เข้าเริ่มเอาเงินไปลงทุนในกระดาษ กับบริษัท South Sea
บริษัทร่วมทุนรัฐและเอกชน ที่มีสหราชอาณาจักร เป็นผู้หนุนหลัง ได้ผลประโยชน์จากการเดินเรือขนส่งสินค้าข้ามมหาสมุทร โดยเฉพาะการค้าขาย
สินค้ามาจากทวีปอเมริกาใต้ สินค้าต่างๆ ทาส และอื่นๆ ราคาหุ้นถูกปั่นจากเจ้ามือ นั้นคือผู้ถือหุ้นใหญ่ ร่วมกับนักการเมืองบางคน ที่ใช้การสร้างราคา
ทำให้ คนแห่เข้ามาซื้อ ราคาเพิ่มสูง รวดเร็ว นิวตันก็เป็นหนึ่งในนั้นที่เข้าไปซื้อหุ้น จนทำกำไรได้มหาศาล
ในตอนนั้น หุ้น South Sea กลายเป็นเหมือนขุมทองที่คนชั้นกลางเข้าซื้อ เพื่อสร้างผลตอบแทน ราคาหุ้นพุ่งอย่างรวดเร็ว
จากเรื่องราว สร้างข่าวดีจาก การหาประโยชน์ กำไรจากค้าขายทาสที่โต บวกกับการป่ันราคา ที่รายใหญ่อันมีหุ้นบริษัท South Sea ขายหุ้นล๊อตแรก
แล้ว นำเงินมาปั่นราคา ซื้อหุ้นตัวเองกลับ เพื่อสร้างราคา ให้สูงไปอีก บวกกับแรงเชียร์ ทำให้จำนวนมาหลงเชื่อ มีกำไร อยากไ้ดกำไรอีก
หาเงิน มาเติมไม่รู้จบ ช่วงเวลาความสุข เกิดช่วง 5เดือนในปี 1720
นิวตันซื้อหุ้นครั้งแรก จากการชวนของเพื่อน เขาทำเงินมโหฬาร จาก £300 มาเป็น £1000 ใน 3 สัปดาห์
ทุกคนต่างแย่งจะเข้าซื้อหุ้นของบริษัท เพราะราคาเติบโตไม่หยุด นิวตันเองขายหุ้นล๊อตแรกออกมา
เขาหยุดรอดูหลายสัปดาห์ แต่ราคาหุ้นยังขึ้นแบบไม่หยุด ไม่ทีท่าว่าจะหยุดจน
ทำให้เขาต้องเองเงินทั้งหมด บวกเงินใหม่เติมลงไปอีกจำนวนมาก
เพื่อกลับ ไปซื่้อหุ้นอีกครั้ง พร้อมผู้คนบ้าคลั่งไล่ซื้อหุ้นนี้ในตลาด ราคาหุ้นวิ่งจาก £600 ไปทำจุดสูงสุด £1,050 เขามีความสุข ทุกคนมีกำไร.
นิวตันถือหุ้นรอบสอง ยาวนานกว่าเดิม เขาเห็นกำไรในพอร์ตเติบโต หลายร้อยเปอร์เซนต์
และไม่คิดจะขาย แต่แล้ววันหนึ่ง เหตุการณ์ไม่ขาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อสงครามระหว่าง สหราชอาณาจักรและสเปนเกิดขึ้น
สงครามยืดเยื้่อ ทำให้ South Sea ไม่สามารถเดินทางขนส่งสินค้าได้ตามสัญญา และเป็นหนี้จำนวนมาก
มีการขายหุ้นออกมาอย่างหนัก และเกิดการ panic จนทำให้ฟองสบู่แตก ราคาใช้เวลาไม่กี่เดือน
ร่วงจาก £1,050 ลงมาที่ £200 ก่อนไปจบที่จุดเริ่มต้นของฟองสบู่ที่ £175
ท่านเซอร์ ไอแซค นิวตัน ยอมขายขาดทุน ตอนปลายปี 1720 ก่อนบริษัทจะกลายเป็นศุนย์เหมือนข่าวลือที่ออกมา
ตอนนั้นท่านเซอร์ ขาดทุนไป £20,000 คิดเป็นเงินในปัจจุบัน มากถึง 3 ล้านปอนด์เลยทีเดียว
วิกฤติครั้งนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับ วิกฤติฟองสบู่ดอกทิวลิปก่อนหน้า
South Sea Bubble เป็นอีกฟองสบู่ ที่เกิดทำให้นักลงทุน นักเก็งกำไรจำนวนมากต้องหมดตัวและสิ้นหวัง
ขาดทุนหนัก ทำให้ตลาดหุ้น เงียบเหงา ไปนานหลายปี
อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนที่เพิ่งได้ยินอาจจะแปลกใจ เฮ้ย!! นิวตันเล่นหุ้นด้วยหรือ
ผมจำได้ ล่าสุดเคยมีกระทู้ในพันทิพที่พูดถึง "คนฉลาดไม่ควรมาเล่นหุ้น" เพราะจะรวยกันหมดประเทศ จะขาดกำลังในการพัฒนา ผมอ่านแล้วได้แต่ขำ
เพราะถ้าศึกษา ประวัติศาสตร์ตลาดหุ้น ตลาดเงินเอาจริงๆ คนที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่คนฉลา่ดไอคิว 180 เลย
นักฟิสิกส์อัจริยะ อย่างนิวตัน เข้ามาเล่นหุ้น ถ้าไม่ได้เข้าใจเกมส์ ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ก็เป็นเหยื่อแล้วหมดตัวเช่นกัน
ผมเขียนเรื่องนี้ให้อ่าน อยากให้เห็นอีกมุม ว่า money game มันเป็นเรื่องของ EQ มากกว่า IQ
จิตใจ จะถูกทดสอบ ถูกกดดัน ตลอดเวลา
ยิ่งเป็นนักเก็งไร การติดตามดู ราคาตลอด ยิ่งยากไปอีกหลายร้อยเท่า ที่อยู่รอด และทำกำไรได้ต่อเนื่อง
ของแบบนี้ ไม่มี miracle ทุกอย่างจะเกิดได้ สำเร็จได้ ต้องลงมือทำ ทำงานหนัก
ฝีกฝน ฝีกซ้อม อย่างถูกทาง เท่านั้น
ดังนั้นเลิก กังวลว่า จะโง่เกินไป หรือจะช้ากว่าคนอื่น
หันมาตั้งใจ ลงมือ ลงแรง ฝึกฝนและหาความรู้พัฒนาตัวเองดีกว่าครับ
อ้างอิงจาก
http://www.sovereignman.com/finance/how-isaac-newton-went-flat-broke-chasing-a-stock-bubble-13268
https://en.wikipedia.org/wiki/South_Sea_Company
http://www.businessinsider.com/isaac-newton-and-the-south-sea-bubble-2013-4