คนในวัยอายุเลยหลักเลขสามขึ้นไป ถ้าเอ่ยถึงหนังชื่อ "A Beautiful Mind" น่าจะเป็นที่รู้จัก หนังเรื่องนี้เป็นหนังรางวัลออสการ์ คลาสิกอมตะตลอดกาลอีกเรื่องที่เข้ามาทำให้คนไทยประทับใจกับความสนุกและบรรยากาศความรักแบบทรหดของเรื่องนี้ แต่ด้วยความเป็นหนังที่มีบทภาพยนต์ไม่ธรรมดา จึงทำให้หนังเรื่องนี้ไม่ได้นำเสนอเฉพาะความบรรเทิงเริงรมย์อย่างเดียว แต่กลับแฝงแง่คิดมากมาย ที่เราสามารถนำมาใช้ในการดำเนินชีวิตและการลงทุนได้เป็นอย่างดี
A Beautiful Mind เป็นหนังที่สร้างจากชีวประวัติของ จอห์น ฟอบส์ แนช จูเนียร์ (John Forbes Nash, Jr.) หรือ จอห์น แนช ผู้เป็นนักคณิตศาสตร์รางวัลโนเบล ผู้คิดค้นทฤษฏีเกมส์(Games Theory) แนวคิดการหาผลประโยชน์ร่วมกัน โดยที่ทุกฝ่ายต่างได้รับผลประโยชน์ หนังนำเสนอเรื่องราวของ จอห์น แนช ได้อย่างน่าสนุกและประทับใจ โดยเริ่มต้นจากตอนที่ จอห์น แนช ศึกษาปริญญาเอกทางคณิตศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยพริ้นซ์ตัน (Princeton University) และทำหน้าที่เป็นอาจารย์ผู้สอนวิชา คณิตศาสตร์ที่ MIT ด้วยความที่เขาเป็นอัจริยะ จึงทำให้ จอห์น แนช มีวิธีคิดและมีพฤติกรรมที่แตกต่างจากคนอื่น โดยเฉพาะเรื่องการเข้าสังคม แนช เป็นคนที่เก็บตัว หมกหมุ่นอยู่กับ คณิตศาสตร์และสมการ เพื่อหาทฤษฏีใหม่ๆ
แต่ที่ทำให้เรื่องนี้มีความสนุกคือ จอห์น แนช ไม่ใช่อัจริยะธรรมดาแต่เขา กับมีปัญหาทางจิต คือเป็นโรคจิตหลอน แนชมีเพื่อนในจินตนาการ 3 คน(ตอนแรกหนังจะไม่เฉลยว่าพวกนี้ไม่มีตัวตน)ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญและเป็นอุปสรรค์ในการดำเนินชีวิต คนแรกคือ วิลเลียม พาร์เชอร์ ชายลึกลับผู้เข้ามาตอบสนองความอยากของแนช (เขาใฝ่ฝันที่จะนำความรู้และคณิตศาสตร์มาแก้ปัญหาสงครามเย็น) โดยในจินตนาการ วิลเลียม พาร์เชอร์ ชักจูงแนชให้เข้ามาทำงานการถอดรหัสของรัสเซีย ทำให้ชีวิตแนชมีสีสัน ได้ผจญภัยและได้เสี่ยงตาย
ตัวละครในจินตนาการที่สอง คือ ชาลี เพื่อนร่วมห้อง ที่เป็นคนที่แนช ไว้ใจและพูดคุย ตลอดจนปรึกษาเรื่องราวต่างๆ คนนี้เป็นคนเดียวในมหาวิทยาลัยที่เป็นเพื่อนกับแนช คนที่สามคือ มาร์ซี เด็กหญิงที่เป็นหลาน เป็นคนที่แนชรักและรู้สึกถึงความเป็นครอบครัว
อาการของ จอห์น แนช หนักมาขึ้นเมื่อเขาเริ่มมาสอนที่ M.I.T โดยเป็นช่วงที่ วิลเลียม พาร์เชอร์ เข้ามามีบทบาทในจินตนาการ ทำให้ แนช มีอาการแบบหวาดระแวง มีพฤติกรรมที่ผิดแปลกจากจิตหลอน ว่าตัวเองกำลังทำงานเป็นนักถอดรหัสให้กับองค์กรลับ ชีวิตของแนช เป็นเรื่องที่ยากเพราะอาการโรคจิตที่ทำให้เกิด คนที่ไม่มีตัวตนเข้ามาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง ทำให้เขาไม่สามารถแยกแยะ ว่าอะไรคือจินตนาการ อะไรคือความจริง ชีวิตของแนช ยังมีสิ่งที่ดีเข้ามานั้นคือ อลิเซีย(Jennifer Connelly) ผู้หญิงที่เป็นลูกศิษย์ของแนช และตกหลุมรักกันจนกลายมาเป็นภรรยา อลิเซียไม่ใช่คนฉลาด แต่เป็นคนที่รู้จักใช้การสื่อสาร และมีทักษะทางสังคมที่ดี เข้ามาช่วย แนชในเรื่องนี้ได้ มีหลายฉากจะทำให้เราเห็นว่า อลิเซียมีบทบาท ที่เข้ามาเติมเต็มชีวิตของ แนชได้อย่างมากมาย
ทุกอย่างเหมือนจะดี ทะว่าอาการจิตหลอน ของ แนช กำเริบหนัก มีอาการหวาดระแวง ว่าจะโดนสายลับ ทำร้าย จนถึงขั้นที่เกิดการเพ้อและไม่สามารถทำงานได้ ซึ่งตอนนั้นเป็นตอนที่ อลิเซียคลอดลูกคนแรก แนชต้องถูกส่งเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล เป็นเวลาหลายเดือน ด้วยการกินยาและบำบัด บวกกับการให้กำลังใจจากภรรยา ทำให้ แนชสามารถออกมาใช้ชีวิตในโลกความจริงได้อีกครั้ง
ซึ่งด้วยยารักษาอาการจิตหลอน ทำให้แนชไม่สามารถทำงาน เลี้ยงลูก หรือแม้แต่มีอะไรกับภรรยาคนสวยได้ ทำให้ชีวิตคู่ ย่ำแย่ลงไป อีก จนแนชตัดสินใจ เลิกกินยา(โดยนำยาไปซ่อน) เพื่อที่เขาจะได้กลับมาทำงานและใช้ชีวิตตามปกติ แต่พอหยุดยา เพื่อนในจิตนาการของ แนชก็กลับมาอีกครั้ง ครั้งนี้รุนแรงกว่าเดิมจน เกือบทำให้ลูกจมน้ำตาย และหวาดระแวงหนักจนแทบจะทำร้ายภรรยา แต่สุดท้ายแนชก็ได้สติ และคิดได้ว่า ทั้งสามคนที่ตัวเองเห็น ไม่มีตัวตน เพราะมาร์ซี ไม่โตขึ้นจากเดิมเลย
อลิเซียไม่เคยยอมแพ้กับสามีคนนี้ เธอไม่ยอมแพ้ในวิกฤติที่เข้ามาพิสูจน์รักแท้ ผมชอบฉากที่เธอกุมมือแนชมาจับที่หน้าอกตรงหัวใจ เพื่อบอกกับแนชว่า อะไรคือของจริง อะไรคือจินตนาการ และสอนให้แนชตื่นจากฝันโดยใช้จิตใจรับรู้ แทนการคิดจินตนการ เธอขอให้แนช เชื่อเธอและช่วยกันรักษา แนชเผชิญกับความยาก อยู่หลายปี ยอมรับสิ่งที่เห็นว่าไม่มีอยู่จริง เพื่อจะไม่สนใจ ไม่พูดคุยกับเพื่อนในจินตนาการทั้งสามคน
แนชเริ่มมีสติและได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนเก่าที่เคยเป็นคู่แข่ง ให้มีโอกาสได้กลับไปสอนที่มหาวิทยาลัย ปรินตัน โดยไม่มีห้องทำงาน ใช้โต๊ะในห้องสมุดเป็นที่ทำงาน สอนหนังสือในวิชาธรรมดา พร้อมกับทำงานวิจัย แนชต้องเผชิญกับความยากลำบาก การโดนดูถูก การถูกกีดกันไม่ให้เข้าร่วมกับ สังคมอาจารย์ การโดนนักศึกษาล้อเลียน หลายปีผ่านไปเขาก็ไม่ยอมแพ้ด้วยกำลังใจที่ดีจากภรรยา ทำให้เขาสามารถผ่านมันไปได้ จนถึงปี 1994 คณะกรรมการโนเบลได้พิจารณาชื่อเขาให้ได้รับรางวัล แนชได้รับรางวัลโนเบล จากงานวิจัยของเขา ร่วมกับเพื่อนอีกสองคน นั้นคือจุดที่ทำให้แนช พิสูจน์ตัวเองกับทุกคน ว่าเขาสามารถกลับมาสู่โลกความจริงได้อย่างสมบูรณ์ ฉากจบเป็นฉากที่ แนชกล่าวสุนทรพจน์ เป็นอะไรที่ประทับใจอย่างยิ่ง
เขากล่าวว่า
"ผมเชื่อมั่นเสมอในตัวเลข ในสมการและตรรกะศาสตร์อันนำไปสู่เหตุผล แต่หลังจากออกค้นหามาทั้งชีวิต
ผมถามว่า อะไร?คือศาสตร์ที่ว่าด้วยหลักการและเหตุผลที่แท้จริง ใคร?คือผู้ตัดสินว่าอะไรคือเหตุผล
ผมค้นคว้าเรื่องเหล่านี้ผ่านความรู้สึกนึกคิดทั้งภาพหลอนและภาพจริง จนผมได้มาพบกับสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต
ผมขึ้นมายืนอยู่ที่แห่งนี้ได้เพราะคุณ!คุณคือคำตอบว่าผมคือใคร และคุณคือคำอธิบายว่าผมมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร และเพื่อใคร"
สิ่งที่ได้จากเรื่องนี้
1. อย่าปล่อยให้อัตตามาทำร้ายตัวเรา
ด้วยความเป็นอัจริยะ ที่มี IQ สูงมาแต่เกิด ของ แนช ทำให้เขากลายเป็นคนพิเศษ ไม่จำเป็นต้องเข้าเรียนในห้องกับเพื่อนในวัยเดียวกัน สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ตั้งแต่อายุไม่มาก จนเขาหลงตัวเอง ไม่ค่อยใส่ใจกับคนรอบข้าง ใช้คำพูดที่รุนแรง และไม่ชอบเข้าสังคมกับคนทั่วไป เหตุเหล่านี้ทำให้แนช มีปัญหาในการสื่อสารและการใช้ชีวิต โดยหลงไปกับอัตตาของคนเอง หลงไปกับความพิเศษที่มีมากกว่าคนทั่วไป การเป็นนักลงทุนก็เช่นกัน ส่วนใหญ่หลายคนเมื่อศึกษา เมื่อเรียนรู้ และซื้อขายหุ้นเมื่อได้กำไรก็มักคิดว่า ตัวเองเก่ง ข้าแน่ ใครที่คิดไม่เหมือนเราก็ว่าเขาว่าผิดหมด อัตตาเหล่านี้แหละครับ ที่มันจะทำร้ายตัวเรา ทำให้เราติดกับชุดความคิดหรือวิธีการ ที่มันบิดเบี้ยว หรืออาจจะถูกต้อง ณ ขณะหนึ่ง แต่เมื่อใดที่สภาวะตลาดไม่อำนวย และเกิดผิดพลาดขาดทุน ถ้าเราไหวตัวไม่ทัน ไม่ทิ้งอัตตา เดิมๆ ปัญหาการขาดทุน ก็จะเข้ามาทำร้ายตัวเรา
ดังนั้นพยายามทำตัวให้เล็ก ละอัตตา ทำตัวให้เป็นตุ่มทีพล่องน้ำ เปิดใจเรียนรู้ความผิดพลาด เรียนรู้อะไรใหม่จากเพื่อน จากตำรา จากคนรอบตัว ถ้าเราทำได้การพัฒนาทักษะความสามารถในการลงทุนก็จะเพิ่มพูนขึ้นในอนาคต
2. เรียนรู้และหมั่นเป็นคนช่างสังเกต
แนช เป็นคนช่างสังเกต เรียนรู้จากสิ่งต่างๆรอบตัว ดังเช่นฉากที่เขาสังเกตการกินอาหารของนกพิราบ การลงทุนในหุ้นโดยเฉพาะนักเก็งกำไร สายเทคนิคอล หัวใจสำคัญของกราฟคือ เราต้องหมั่นสังเกตการเปลี่ยนแปลง สังเกตพฤติกรรมของหุ้นผ่านแท่งเทียนและการตอบสนองต่อเครื่องมือดัชนี รวมถึงปริมาณซื้อขาย เพื่อสร้างเป็นองค์ความรู้เฉพาะตัวของเราจากความรู้และทฤษฏีพื้นฐานที่มีขายตามแผงหนังสือและเปิดอบรมทั่วไป ซึ่งจะทำให้เราสามารถรับมือ และใช้องค์ความรู้นั้นในการสร้างผลกำไรต่อไปได้ องค์ความรู้ใหม่แบบเฉพาะของเรานั้นสร้างและสั่งสมตามประสบการณ์ ยิ่งมีมากทักษะการเทรดหุ้นก็จะสูงไปตามชั่วโมงบิน การรู้เพียงตัดขึ้นซื้อ ตัดลงขาย หรือเวฟนั้นเวฟนี้ อะไรที่เป็นความรู้สามัญทั่วไป เป็นสิ่งที่คนทั่วไปใช้หรือรู้ มันมักไม่ได้ผลกำไร ในตลาดหุ้น ตลาดเก็งกำไรที่คนชนะเป็นเพียงส่วนน้อยแค่ 10% อีก 90% เป็นผู้ขาดทุน
3. ความเข้าใจและการยอมรับจากครอบครัว
เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า การที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น ครอบครัวและคนรอบข้างเป็นสิ่งสำคัญ ต้องเชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำเช่นเดียวกับ แนช ที่มีภรรยาและเพื่อน คอยสนับสนุนและช่วยเหลือ ทุกคนเชื่อมั่นในตัวของแนช ว่าสักวันจะเอาชนะและผ่านอุปสรรค์นี้ไปได้ จนแนชสามารถพิสูจน์ให้เห็นความสำเร็จที่เข้าได้รับ ไม่มีโอกาสเป็นไปได้เลยถ้าเขาไม่รับโอกาสและกำลังใจจากภรรยาและเพื่อนผู้ช่วยให้เขาได้กลับมาทำงานอีกครั้ง
การลงทุนก็เช่นกัน การเอาชนะตลาดหุ้น การทำกำไรจากตลาดหุ้นเป็นเรื่องยากไม่ง่าย มีอุปสรรค์ที่ต้องเผชิญเยอะ โดยเฉพาะเรื่องของจิตใจ ถ้าคนรอบข้างหรือครอบครัวไม่สนับสนุน ไม่เข้าใจ มันก็จะส่งผลทางลบและเป็นอุปสรรค์ในการก้าวไปข้างหน้าในเส้นทางนี้อย่างแน่นอน
A Beautiful Mind เป็นหนังที่สร้างจากชีวประวัติของ จอห์น ฟอบส์ แนช จูเนียร์ (John Forbes Nash, Jr.) หรือ จอห์น แนช ผู้เป็นนักคณิตศาสตร์รางวัลโนเบล ผู้คิดค้นทฤษฏีเกมส์(Games Theory) แนวคิดการหาผลประโยชน์ร่วมกัน โดยที่ทุกฝ่ายต่างได้รับผลประโยชน์ หนังนำเสนอเรื่องราวของ จอห์น แนช ได้อย่างน่าสนุกและประทับใจ โดยเริ่มต้นจากตอนที่ จอห์น แนช ศึกษาปริญญาเอกทางคณิตศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยพริ้นซ์ตัน (Princeton University) และทำหน้าที่เป็นอาจารย์ผู้สอนวิชา คณิตศาสตร์ที่ MIT ด้วยความที่เขาเป็นอัจริยะ จึงทำให้ จอห์น แนช มีวิธีคิดและมีพฤติกรรมที่แตกต่างจากคนอื่น โดยเฉพาะเรื่องการเข้าสังคม แนช เป็นคนที่เก็บตัว หมกหมุ่นอยู่กับ คณิตศาสตร์และสมการ เพื่อหาทฤษฏีใหม่ๆ
จอน แนช เจ้าของทฤษฏีเกมส์
รัสเซลล์ โครว์ รับบทเป็น จอน แนช
วิลเลียม พาร์เชอร์ บุรุษลึกลับใจจินตนาการ
อลิซเซีย ภรรยาผู้ไม่ยอมแพ้ในความรัก
เพื่อนและอดีตคู่แข่งที่ให้โอกาสแนชกลับมาทำงานอีกครั้ง
อลิเซียไม่เคยยอมแพ้กับสามีคนนี้ เธอไม่ยอมแพ้ในวิกฤติที่เข้ามาพิสูจน์รักแท้ ผมชอบฉากที่เธอกุมมือแนชมาจับที่หน้าอกตรงหัวใจ เพื่อบอกกับแนชว่า อะไรคือของจริง อะไรคือจินตนาการ และสอนให้แนชตื่นจากฝันโดยใช้จิตใจรับรู้ แทนการคิดจินตนการ เธอขอให้แนช เชื่อเธอและช่วยกันรักษา แนชเผชิญกับความยาก อยู่หลายปี ยอมรับสิ่งที่เห็นว่าไม่มีอยู่จริง เพื่อจะไม่สนใจ ไม่พูดคุยกับเพื่อนในจินตนาการทั้งสามคน
เขากล่าวว่า
"ผมเชื่อมั่นเสมอในตัวเลข ในสมการและตรรกะศาสตร์อันนำไปสู่เหตุผล แต่หลังจากออกค้นหามาทั้งชีวิต
ผมถามว่า อะไร?คือศาสตร์ที่ว่าด้วยหลักการและเหตุผลที่แท้จริง ใคร?คือผู้ตัดสินว่าอะไรคือเหตุผล
ผมค้นคว้าเรื่องเหล่านี้ผ่านความรู้สึกนึกคิดทั้งภาพหลอนและภาพจริง จนผมได้มาพบกับสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต
ผมขึ้นมายืนอยู่ที่แห่งนี้ได้เพราะคุณ!คุณคือคำตอบว่าผมคือใคร และคุณคือคำอธิบายว่าผมมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร และเพื่อใคร"
สิ่งที่ได้จากเรื่องนี้
1. อย่าปล่อยให้อัตตามาทำร้ายตัวเรา
ด้วยความเป็นอัจริยะ ที่มี IQ สูงมาแต่เกิด ของ แนช ทำให้เขากลายเป็นคนพิเศษ ไม่จำเป็นต้องเข้าเรียนในห้องกับเพื่อนในวัยเดียวกัน สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ตั้งแต่อายุไม่มาก จนเขาหลงตัวเอง ไม่ค่อยใส่ใจกับคนรอบข้าง ใช้คำพูดที่รุนแรง และไม่ชอบเข้าสังคมกับคนทั่วไป เหตุเหล่านี้ทำให้แนช มีปัญหาในการสื่อสารและการใช้ชีวิต โดยหลงไปกับอัตตาของคนเอง หลงไปกับความพิเศษที่มีมากกว่าคนทั่วไป การเป็นนักลงทุนก็เช่นกัน ส่วนใหญ่หลายคนเมื่อศึกษา เมื่อเรียนรู้ และซื้อขายหุ้นเมื่อได้กำไรก็มักคิดว่า ตัวเองเก่ง ข้าแน่ ใครที่คิดไม่เหมือนเราก็ว่าเขาว่าผิดหมด อัตตาเหล่านี้แหละครับ ที่มันจะทำร้ายตัวเรา ทำให้เราติดกับชุดความคิดหรือวิธีการ ที่มันบิดเบี้ยว หรืออาจจะถูกต้อง ณ ขณะหนึ่ง แต่เมื่อใดที่สภาวะตลาดไม่อำนวย และเกิดผิดพลาดขาดทุน ถ้าเราไหวตัวไม่ทัน ไม่ทิ้งอัตตา เดิมๆ ปัญหาการขาดทุน ก็จะเข้ามาทำร้ายตัวเรา
ดังนั้นพยายามทำตัวให้เล็ก ละอัตตา ทำตัวให้เป็นตุ่มทีพล่องน้ำ เปิดใจเรียนรู้ความผิดพลาด เรียนรู้อะไรใหม่จากเพื่อน จากตำรา จากคนรอบตัว ถ้าเราทำได้การพัฒนาทักษะความสามารถในการลงทุนก็จะเพิ่มพูนขึ้นในอนาคต
2. เรียนรู้และหมั่นเป็นคนช่างสังเกต
แนช เป็นคนช่างสังเกต เรียนรู้จากสิ่งต่างๆรอบตัว ดังเช่นฉากที่เขาสังเกตการกินอาหารของนกพิราบ การลงทุนในหุ้นโดยเฉพาะนักเก็งกำไร สายเทคนิคอล หัวใจสำคัญของกราฟคือ เราต้องหมั่นสังเกตการเปลี่ยนแปลง สังเกตพฤติกรรมของหุ้นผ่านแท่งเทียนและการตอบสนองต่อเครื่องมือดัชนี รวมถึงปริมาณซื้อขาย เพื่อสร้างเป็นองค์ความรู้เฉพาะตัวของเราจากความรู้และทฤษฏีพื้นฐานที่มีขายตามแผงหนังสือและเปิดอบรมทั่วไป ซึ่งจะทำให้เราสามารถรับมือ และใช้องค์ความรู้นั้นในการสร้างผลกำไรต่อไปได้ องค์ความรู้ใหม่แบบเฉพาะของเรานั้นสร้างและสั่งสมตามประสบการณ์ ยิ่งมีมากทักษะการเทรดหุ้นก็จะสูงไปตามชั่วโมงบิน การรู้เพียงตัดขึ้นซื้อ ตัดลงขาย หรือเวฟนั้นเวฟนี้ อะไรที่เป็นความรู้สามัญทั่วไป เป็นสิ่งที่คนทั่วไปใช้หรือรู้ มันมักไม่ได้ผลกำไร ในตลาดหุ้น ตลาดเก็งกำไรที่คนชนะเป็นเพียงส่วนน้อยแค่ 10% อีก 90% เป็นผู้ขาดทุน
เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า การที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น ครอบครัวและคนรอบข้างเป็นสิ่งสำคัญ ต้องเชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำเช่นเดียวกับ แนช ที่มีภรรยาและเพื่อน คอยสนับสนุนและช่วยเหลือ ทุกคนเชื่อมั่นในตัวของแนช ว่าสักวันจะเอาชนะและผ่านอุปสรรค์นี้ไปได้ จนแนชสามารถพิสูจน์ให้เห็นความสำเร็จที่เข้าได้รับ ไม่มีโอกาสเป็นไปได้เลยถ้าเขาไม่รับโอกาสและกำลังใจจากภรรยาและเพื่อนผู้ช่วยให้เขาได้กลับมาทำงานอีกครั้ง
การลงทุนก็เช่นกัน การเอาชนะตลาดหุ้น การทำกำไรจากตลาดหุ้นเป็นเรื่องยากไม่ง่าย มีอุปสรรค์ที่ต้องเผชิญเยอะ โดยเฉพาะเรื่องของจิตใจ ถ้าคนรอบข้างหรือครอบครัวไม่สนับสนุน ไม่เข้าใจ มันก็จะส่งผลทางลบและเป็นอุปสรรค์ในการก้าวไปข้างหน้าในเส้นทางนี้อย่างแน่นอน