กำลังเตรียมนำเอาเรื่องจิตวิทยาการเทรดมาบรรยาย เลยเอาหัวข้อสัมมนา ในงานของ TEDx Talk มาเสริม
คนพูดก็ไม่ธรรมดาเขาเป็น เทรดเดอร์ ผู้มากประสบการณ์ ที่เคยเขย่าโลก ด้วยออกมาเปิดโปงระบบผลประโยชน์ในโลกการเงิน และตลาดหุ้น แต่แน่นอนว่า คนส่วนใหญ่ก็ยังไม่เชื่อในสิ่ง ที่เขาคิดนำเสนอ แต่เรื่องแบบนี้ บางครั้งคงต้องรอดูเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
ประเด็นที่ Alessio Rastani พูดในงานนี้ดี ไม่ได้กล่าวลอยๆ เหมือนตอนไปออกรายการ BBC วันนี้เขามาแนะนำ เรื่องของจิตวิทยา ที่มีผลต่อการตัดสินใจ และการหาจุดได้เปรียบ เรื่องนี้ คล้ายๆ โมเดล contrarian หรือเทคนิคการเข้าซื้อด้วย sentiment โมเดล มีตัวอย่างมาด้วย ผมว่าน่าสนใจดี เลยนำมาแนะนำต่อ
Alessio Rastani พูดหลายเรื่อง เขาโยงแนวคิดที่ว่า จริงๆ ตลาดหุ้น นั้นไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ ระบบเศรษฐกิจ แต่มันคือเกมส์การเงิน ที่ชี้นำกันไปมา และเล่นกับการรับรู้ ตีความของ คน หรือนักลงทุนรายย่อยในตลาด
สรุปสาระคราวๆ คือ จุดซื้่อดีที่สุด คือจุดที่แย่ที่สุด จากปัจจัยภายนอก เชิงมหาภาค โดยเข้าซื้อภาวะเกิดการ panic การกลัว จนทำให้เกิดการถดถอยของราคาหุ้น (บนเงื้อนไขคุณภาพของหุ้นไม่เปลี่ยนหรือถูกกระทบโดยตรง)
คำพูดว่า โลภเมื่อคนอื่นกลัว จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ เป็นสิ่งที่ Alessio พยายามนำเสนอ แล้วยกตัวอย่างเรื่องของ เครื่องมือวัดอารมณ์ตลาด 2 ตัวนั้นตือ sentiment market index ซึ่งเข้าใช้ $SPXA50R คิดจากค่า % diff จากเส้นค่าเฉลี่ย sma50(ค่อนข้างหลวม)
และ Bullish Percent index ของ Abe Cohen ที่คิดมาจาก Point & Figure charts
เขาเอาโมเดลเหล่านี้มาวัด อารมณ์ตลาด พยายามเทียบ หาจุด เข้าซื้อที่มี discount มาที่สุด (อันนี้ลองใช้ก่อนเชื่อนะครับ เพราะพวกนี้่ของตายกราฟแห้ง มันดูเหมือน makesense หมด)
แต่การซื้อจุดต่ำสุด หรือจุดคนกลัว นี่ไม่ง่ายนะครับ ฟังอย่าไปเชื่อทั้งหมด เพราะมันเกมส์การเงิน คนทำเกมส์ สายป่านเขายาว แม้เครื่องมือ บอกว่า มันสุดๆแล้ว แต่มันก็ยังสามารถสุดๆได้อีก และ คงตัวในภาวะ ความไม่แน่นอนได้ยาวนาน ตรงนี้แหละ บีบหัวใจ(ทำให้เชื่อว่ามันยังแย่ได้อีก) ทำให้ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะซื้อ ยามจุด ที่เลวร้าย หรือจุดที่คนกลัว มันไม่ง่ายแบบดู $SPXA50R ที่ 25% เข้า Over sold ซื้อได้เลยอะไรแบบนั้น ตรงนี้ ต้องใช้ประสบการณ์และการบริหารความเสี่ยงที่ยิ่งยวด ในการหาจุดได้เปรียบจริงๆ
จริงๆบทบรรยาย ยังเสริมเรื่องของการรับมือกับความเสี่ยง เพราะบอกว่า crisis มันมีตลอด เพราะมันคือ ส่วนหนึ่งของเกมส์การเงิน ที่ต้องมีขึ้นสูงสุด ลงต่ำสุด ให้ Big Player กลุ่ม Top 20 คุมกระแสเงินโลก ได้หาผลประโยชน์ ดังนั้น รายย่อยต้องรับมือ ไม่ประมาท
การเตรียมตัว เป็นเรื่องสำคัญ Alessio พูดถึงการมี Trading Plan
การสร้างระบบเทรด ที่ช่วยไม่ไหลไปตามอารมณ์ตลาด หรือการชี้นำทางอารมณ์ ที่เกิดจากสื่อ จากข่าวลือ ต่างๆยามภาวะไม่ปกติ การมีระบบเทรด กำหนด การเข้า ออก ชัดเจน มีการบริหารหน้าตัก กำหนดความเสี่ยงที่เหมาะสม จะเป็น key ในการเอาตัวรอดในตลาดหุ้น รวมถึงทำให้การเทรด มีประสิทธิภาพ ไม่เครียด ไม่ทุกข์
ปล. ประเด็น sentiment index ผมมีงานวิจัยเยอะ มีโอกาสจะนำมา เขียนบทความแนะนำ ให้อ่านในอนาคตครับผมสรุปประเด็นคราวๆมาให้ ยังไงลองไปดูได้ใน link vdo
Mr chaipat