Venture Capital คือรูปแบบของธุรกิจร่วมทุน ที่ให้เงินสนับสนุน ธุรกิจเกิดใหม่หรือบริษัท start up ให้เติบโต แน่นอนว่า ความเสี่ยงสูงเพราะ โอกาสที่โปรดักซ์หรือกิจการจะไปไม่รอดก็มี ตรงนี้เสี่ยงมากและต่างจากการซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ แต่แน่นอนว่า high risk ก็ high return เพราะหลายๆกิจการ หลายๆโปรดักซ์มันเป็น innovation เป็นสินค้าประเภท game changer ในกลุ่มอุตสาหกรรมเลยก็ว่าได้
หลายคนอาจจะมองว่ามันเป็นเรื่องเสี่ยง เรื่องยาก แต่ลองมองย้อนกลับไปดู กลุ่มนักลงทุนที่ร่ำรวยประสบความสำเร็จจากการลงทุนในบริษัท start up ก็มีเยอะโดยเฉพาะบริษัทกลุ่มไอที เช่นอย่างกรณีของ Facebook หรือ Google และอื่นๆเป็นต้น
แน่นอนว่าการเป็น VC โดยตรงอาจจะใช้เงินมาก และมีรายละเอียดที่เยอะมาก สำหรับบุคคลธรรมดาอย่างเราๆท่าน แต่ก็ไม่ใช่ว่าคุณหรือผมจะไม่สามารถลงทุนสไตล์ VC ได้ เพราะปัจจุบันมีเว็บบริการระดมทุนแบบ Crowd Funding ให้เราเลือกใช้บริการมากมาย (แน่นอนว่าเลือกที่น่าเชื่อถือด้วยนะครับ) เรียกว่าเราสามารถเป็นผู้ร่วมลงทุนในกิจการเริ่มต้นได้เช่นกัน
ผมเองนำมายกตัวอย่างให้ดู 1 อันที่ผมใช้งานประจำนั้นคือ kickstarter จริงๆแล้วการลงทุนใน kickstarter นี่ง่ายๆใช้เงินไม่มาก บางโปรเจคใช้เงินแค่ $1 หรือ $10 ก็ทำได้ kickstarter อาจจะไม่เชิงเป็นการลงทุนเพื่อหวังผลทางธุรกิจเสมอไป บางอย่างเน้นที่การสนับสนุนเพื่อให้เกิดการเริ่มต้น (ถ้ากิจการไหนไปได้ไกล ไปได้สวยก็สามารถไป follow ต่อได้ ส่วนใหญ่ถ้าเขาขายหุ้นก็จะแจ้งและมีการดำเนินการต่อ)ตัวของ start up ก็จะมี idea มาแชร์ มีรายละเอียดเป็น vdo มีตัว prototype มาแสดง โดยเจ้าของกิจการก็จะกำหนดวงเงินต้องการระดมทุน กำหนดผลตอบแทนในการลงทุนให้กับ ผู้ร่วมลงทุนแบ่งเป็นหลายระดับขั้นตามขนาดเงินที่ลง เช่นถ้าลงทุนน้อยก็ให้เป็นหนังสือ เป็นคู้มือ ลงทุนมากก็อาจจะให้โปรดักซ์รุ่นแรก ตัวงาน สินค้าเจ๋งๆ (ตรงนี้เราเลือกได้ครับ) บางกรณีคล้ายกับสินค้าล่วงหน้าเหมือนกันนะ เช่นเขาตั้งราคาสินค้า $1000 ถ้าระดมเงินถึง ก็เริ่มผลิตเริ่มดำเนินกิจการ พอครบกำหนด ก็จะส่งสินค้าให้ผู้ร่วมลงทุน เริ่มต้น ถ้ากิจการไปได้สวยโตได้ ติดตลาดเขาขายหุ้น ผู้ร่วมลงทุนก็อาจจะมีโอกาสได้ซื้อหุ้นต่อ
สิ่งหนึ่งที่เราเห็นในการลงทุนแบบนี้คือ ต้องมี passion ในธุรกิจนั้นๆด้วย บางอย่างเป็นสินค้าในฝัน มันอาจจะเกิดจากความสนุก ที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่มีคนกลุ่มหนึ่งที่บ้าพอจะหมกหมุ่น start up ทำจริงจังขึ้นมาในโลกความจริง(อันหนึ่งที่ผมชอบประทับใจมากคือ Hoverboard ถ้าใครเคยดู Back to the Future ผมว่ามันต้องมีโมเมนหนึ่งแหละที่อยากได้มาครอบครอง)
ไม่แค่สินค้า หลายๆ project เป็นโครงการหรือกิจกรรมดีๆก็มีเช่นกัน เช่นเรื่องของ art การทำหนังสือ นิตยสาร หรือเพลง หรือหนังอะัไรแบบนี้
The Veronica Mars Movie ก็เป็นอีกผลสำเร็จจากการระดมทุนที่นี่
การระดมทุน ก็จะเกิดผ่านเว็บของ kickstarter โดยมีเป้าหมาย มีรายละเอียดผลตอบแทนที่ให้ ถ้าระดมทุนได้ถึงก็เริ่มดำเนินงาน ถ้าไม่ถึงเป้า ผู้ลงทุนก็ได้เงินคืน ตรงนี้จะมี คนมาเสนอไอเดียมากมายทั่วโลกเลย เคลมกันว่าที่ kickstarter มีผู้ร่วมลงทุนลงเงินหรือที่เรียกว่า Backers แล้ว มากกว่า 5.7 ล้านคน จาก 224 ประเทศ มีโปรเจคมาเสนอไอเดียมากกว่า 6000 โครงการ
ยอดระดมเงินทำได้มากถึง กว่า 1000 ล้านดอลลาร์ประเทศที่ลงทุนมากสุดคือสหรัฐ(มากกว่า 663 ล้านดอลลาร์) และรองลงมาคือสิงคโปร์ คนไทยเองก็ให้ความสนใจในการลงทุนในเว็บนี้ไม่น้อยและมีหลาย project ที่คนไทยเข้าไปเสนอไอเดียและของรับการสนับสนุน ลองเข้าไปดูได้ที่ https://www.kickstarter.com/
ผมเองสนับสนุนไปแล้วหลายโครงการเหมือนกัน บางอันเหมือนเป็นการลงทุน ลองสั่งซ์้อสินค้า และได้ connection กับทีมงานพัฒนา(email ไปคุยไปสอบถามได้) ส่วนใหญ่ผมจะโฟกัสไปกลุ่มเทคโนโลยีเป็นหลัก บางโปรเจคออกมาจาก Lab ของมหาวิทยาลัย หรือพัฒนาต่อจาก thesis ระดับปริญญาเอก เพื่อจะทำมันให้เกิดเป็น product มีอะไรเจ๋งๆแบบนี้เพียบเลยครับ บางโครงการอาจจะลงเงินไม่มาก $50 แต่ได้ ebook ได้ paper ดีๆในไอเดียของงานมาอ่าน นี้โครตคุ้มแล้ว
3D Printing
อันนีัคือ StoneTether - The Smallest Tracking Device
อีกสินค้าที่ชอบมากและประสบความสำเร็จสูงสุดในการระดมทุนก็คือ กระติกน้ำแข็งอัจริยะ Coolest ผมสนับสนุนแต้ไม่ได้ลงทุนขั้นสั่งซื้อต้นแบบ ตอนนั้นสูงสุดที่ $165 โดยจะได้สินค้าต้นแบบ (ไม่ร่วมค่าจัดส่ง) สินค้ากระติกน้่ำแข็ง Coolest จะวางขายในตลาดปี 2015 ราคา $300
สรุป
แน่นอนว่าการลงทุนประเภทนี้ก็มีความเสี่ยง ค่อนข้างมาก ดังนั้นถ้าใครสนใจก็ต้องระมัดระวังในการลงทุนกันด้วยเช่นกัน ผมเองเอาไอเดียและอีกช่องทางการลงทุนมาเสนอเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้สนับสนุนให้ไปหาผลตอบแทนในตรงนี้ อีกด้านใครมีไอเดีย มีโปรเจคดีๆอาจจะลองไประดมทุนใน kickstarter ก็ได้เช่นกันครับ