ได้คุยกับน้องคนหนึ่ง เขาถามผมว่าถ้ามีระบบที่เทรดได้ 10% ต่อเดือนก็คือ 120% ต่อปี แบบนี้อนาคตคงรวยมากกว่าวอเรนบัฟ เฟต รวยเยอะๆ รวยเร็วๆ ดีจัง เจอคำถามแบบนี้ปวดตับ ต้องอธิบายทุกที
เพราะถ้าไปเอา logic แบบ linear มาใช้ในตลาดหุ้น หรือตลาดเก็งกำไรที่มีความเสี่ยง มีความผันผวนเป็นสรณะ มันไม่มีทางไปได้รอด เพราะ คนเหล่านี้จะโลกสวย มองโลกแบบพวกโฆษณาชวนเชื่อ เพราะความเป็นจริงตลาดหุ้นไม่ว่าจะเทรดหรือจะลงทุนกินปันผล มันมีความเสี่ยง จากความไม่แน่นอนในตัวเสมอ มันไม่ใช่พันธ์บัตร หรือดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ที่จะคิดเชิงเส้นตรงได้(เนื่องจากความผันผวนต่ำ)
ปันผลปีละ 10% ทบต้น 7 ปี ไม่นานก็รวย จริงครับ !! แต่นั้นคือการคิดบนสมมติฐานที่ว่ามันแน่นอน ไม่มีผลกระทบหรือความเสี่ยงจากภายในภายนอก (ถ้าอยู่ในตลาดนานๆคุณเข้าใจในข้อนี้ในเรื่องของความไม่แน่นอน ของเศรษฐกิจ ความไม่แน่นอนของธุรกิจและการเมือง ข้อนี้ดูง่ายๆเลยไม่มีใครคิดว่าจะปฏิวัติ ก็เกิดปฏิวัติได้ ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดวิกฤติการเงินก็เกิดได้) ถ้ามันแน่นอนมั่นคงได้ต่อเนื่องแบบนั้นคือ "วิเศษ" หาได้ยาก เจอต้องรีบคว้า ส่วนมากของดีแบบนั้นต้องแย่ชิง(หุ้นที่ธุรกิจดีปันผลดีๆต่อเนื่องระยะยาว มีราคาสูงกว่าราคาหุ้นทั่วไปเสมอ) และโดยทั่วไปในโลกความจริงมันอาจจะไม่ง่ายเช่นนั้น ในตลาดหุ้นมันจะมีช่วงปีทั้งดีและร้ายปะปนกัน เสมอ
ผลตอบแทนจากการเทรดก็เช่นเดียวกัน เทรดให้ได้เดือนละ 10% อย่าไปคิดว่าเยอะครับ เพราะถ้าไปดูมืออาชีพเทรดในตลาดหุ้นและอนุพันธ์เขาทำได้มากกว่านี้ก็มีมาก แต่สาระ ความยากไม่ใช่ 10% ต่อเดือน ความยากคือทำให้ได้ #ทุกเดือน #ต่อเนื่อง ทำให้ได้กำไร แม้ภาวะตลาดเปลี่ยนแปลง แม้เงื่อนไขแวดล้อมปัจจัยลบต่างๆบีบคั้น ตรงนี้ไม่ใช่ว่าจะทำกันง่ายๆ และไม่มีการันตรีได้ว่าจะเกิดได้ตลอดไป มืออาชีพ เขาจะรู้จักบริหารความเสี่ยง จากการไม่รู้อนาคต รู้จัก หนัก เบา ช้า เร็ว การผ่อนเกมส์ การเดินเกมส์ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องของกลยุทธ์ เป็นเรื่องของประสบการณ์ มันไม่ใช่แค่การนั่ง จ้องกราฟ ดู fibo ดู macd ตัดกันแล้วจะทำได้
ส่วนใหญ่ที่พบมือใหม่ได้กำไร ปีสองปี หรือ เดือนสองเดือน ก็ดีใจ ลิงโลด โดนอัตตากิน ไปหมดแล้วคิดว่าตัวเองเก่ง แน่นอนว่ายามช่วง bad day เข้ามาคนพวกนี้จะล้มไม่เป็นท่า ลุกขึ้นมาไม่เป็น งงมึนหมัด เพราะโดนอัตตาที่คิดว่าข้าแน่ข้าเก่ง มันกดไว้ แต่เน้นรักษาหน้าตากันต่อไป สุดท้ายเลิกล้ม หันหน้าออกจากตลาด
ดังนั้นการทำกำไร มากน้อย อาจจะไม่สำคัญเท่ากับการทำกำไรต่อเนื่อง มนุษย์มีความโลภ ทำได้ 1 ก็อยากได้ 10 ทำได้ 10 อยากได้ 100 ถ้าเราบริหารความโลภ ความอยาก ของตัวเองไม่ได้ เราจะไม่สามารถรับมือกับความเสี่ยง วางแผน เดินเกมส์ระยะยาวได้ ยิ่งไปกว่านั้นโอกาสในการอยู่รอดในตลาดก็จะกลายเป็นศูนย์ทันทีครับ
Mr. Chaipat
เพราะถ้าไปเอา logic แบบ linear มาใช้ในตลาดหุ้น หรือตลาดเก็งกำไรที่มีความเสี่ยง มีความผันผวนเป็นสรณะ มันไม่มีทางไปได้รอด เพราะ คนเหล่านี้จะโลกสวย มองโลกแบบพวกโฆษณาชวนเชื่อ เพราะความเป็นจริงตลาดหุ้นไม่ว่าจะเทรดหรือจะลงทุนกินปันผล มันมีความเสี่ยง จากความไม่แน่นอนในตัวเสมอ มันไม่ใช่พันธ์บัตร หรือดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ที่จะคิดเชิงเส้นตรงได้(เนื่องจากความผันผวนต่ำ)
ปันผลปีละ 10% ทบต้น 7 ปี ไม่นานก็รวย จริงครับ !! แต่นั้นคือการคิดบนสมมติฐานที่ว่ามันแน่นอน ไม่มีผลกระทบหรือความเสี่ยงจากภายในภายนอก (ถ้าอยู่ในตลาดนานๆคุณเข้าใจในข้อนี้ในเรื่องของความไม่แน่นอน ของเศรษฐกิจ ความไม่แน่นอนของธุรกิจและการเมือง ข้อนี้ดูง่ายๆเลยไม่มีใครคิดว่าจะปฏิวัติ ก็เกิดปฏิวัติได้ ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดวิกฤติการเงินก็เกิดได้) ถ้ามันแน่นอนมั่นคงได้ต่อเนื่องแบบนั้นคือ "วิเศษ" หาได้ยาก เจอต้องรีบคว้า ส่วนมากของดีแบบนั้นต้องแย่ชิง(หุ้นที่ธุรกิจดีปันผลดีๆต่อเนื่องระยะยาว มีราคาสูงกว่าราคาหุ้นทั่วไปเสมอ) และโดยทั่วไปในโลกความจริงมันอาจจะไม่ง่ายเช่นนั้น ในตลาดหุ้นมันจะมีช่วงปีทั้งดีและร้ายปะปนกัน เสมอ
ผลตอบแทนจากการเทรดก็เช่นเดียวกัน เทรดให้ได้เดือนละ 10% อย่าไปคิดว่าเยอะครับ เพราะถ้าไปดูมืออาชีพเทรดในตลาดหุ้นและอนุพันธ์เขาทำได้มากกว่านี้ก็มีมาก แต่สาระ ความยากไม่ใช่ 10% ต่อเดือน ความยากคือทำให้ได้ #ทุกเดือน #ต่อเนื่อง ทำให้ได้กำไร แม้ภาวะตลาดเปลี่ยนแปลง แม้เงื่อนไขแวดล้อมปัจจัยลบต่างๆบีบคั้น ตรงนี้ไม่ใช่ว่าจะทำกันง่ายๆ และไม่มีการันตรีได้ว่าจะเกิดได้ตลอดไป มืออาชีพ เขาจะรู้จักบริหารความเสี่ยง จากการไม่รู้อนาคต รู้จัก หนัก เบา ช้า เร็ว การผ่อนเกมส์ การเดินเกมส์ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องของกลยุทธ์ เป็นเรื่องของประสบการณ์ มันไม่ใช่แค่การนั่ง จ้องกราฟ ดู fibo ดู macd ตัดกันแล้วจะทำได้
ส่วนใหญ่ที่พบมือใหม่ได้กำไร ปีสองปี หรือ เดือนสองเดือน ก็ดีใจ ลิงโลด โดนอัตตากิน ไปหมดแล้วคิดว่าตัวเองเก่ง แน่นอนว่ายามช่วง bad day เข้ามาคนพวกนี้จะล้มไม่เป็นท่า ลุกขึ้นมาไม่เป็น งงมึนหมัด เพราะโดนอัตตาที่คิดว่าข้าแน่ข้าเก่ง มันกดไว้ แต่เน้นรักษาหน้าตากันต่อไป สุดท้ายเลิกล้ม หันหน้าออกจากตลาด
ดังนั้นการทำกำไร มากน้อย อาจจะไม่สำคัญเท่ากับการทำกำไรต่อเนื่อง มนุษย์มีความโลภ ทำได้ 1 ก็อยากได้ 10 ทำได้ 10 อยากได้ 100 ถ้าเราบริหารความโลภ ความอยาก ของตัวเองไม่ได้ เราจะไม่สามารถรับมือกับความเสี่ยง วางแผน เดินเกมส์ระยะยาวได้ ยิ่งไปกว่านั้นโอกาสในการอยู่รอดในตลาดก็จะกลายเป็นศูนย์ทันทีครับ
Mr. Chaipat