คุณ ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เขียนเรื่อง QE กับกระแสเงินต่างชาติไว้น่าสนใจ ประเด็นที่หลายคนกังวลคล้ายกับคือ ถ้าเศรษฐกิจสหรัฐดีฟื้นจริง เขาเลิกอัดฉีดเลิกพิมพ์แบงค์ เลิกทำ QE ขึ้นอัตราดอกเบี้ย กระแสเงินคงไหลกลับเข้าไปที่อเมริกาแน่นอน
คุณ ธีระชัย เขายกประเด็นบราซิล ผมว่าอันนี้น่าสนใจไม่ค่อยมีคนพูดถึง ผมเองทำ template ไว้เลยอยากนำเรื่องนีั้มาแชร์ เพราะมันเป็นกรณีศึกษาที่ดีนะ
ถ้าเราจำกันได้ช่วงหนึ่งกระแส BRIC มาแรงเงินไหลเข้าไปบราซิลจำนวนมาก ทำให้ค่าเงินเขาแข็งปั๋ง ตลาดหุ้น ตลาดพันธ์บัตรก็ทรงเดียวกับเราคือบวกแบบเกินพื้นฐาน บวกแบบไม่ลืมหูลืมตา
พอค่าเงินแข็งมาก ผู้ส่งออกเริ่มป่วย รัฐออกมาตรการเก็บภาษีนักลงทุนต่างประเทศ ค่าเงินจากที่แข็งกับอ่อนลงทันที ออกหนักตลาดหุ้น ตลาดพันธบัตร อสังหาเริ่มป่วน กระแสเงินทุนต่างชาติ ไหลออกมากและเร็ว รัฐบาลแก้เกมส์ด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไป ที่ร้อยละ 8 เพื่อกดอัตราเงินเฟ้อและชะลอการไหลออกของเงิน สุดท้ายเงินไหลออก บวกกับรัฐบาลขาดดุลงบประมาณ จนถูกลดอันดับเครดิต เงินที่เข้ามาในตลาดพันธ์บัตรก็ไหลออกอีก ต่างชาติกำไรสองต่อ ทั้งจากตลาดหุ้นและพันธ์บัตร
ดัชนี Brasil Sao Paulo Stock Exchange Index ทำจุดสูงสุดตอนปี 2010 แล้วไหลลงมามากกว่า 30% ลงหนักในช่วงปี 2011 (ตอนนั้น TIPS เริ่มเป็นพระเอกแล้ว) และเด้งไปมา แม้ไม่ลบหนักเหมือนปี 2008 แต่ตลาดซบเซาลงและไม่เคยกลับไปจุดสูงสุดนั้นอีกเลย
สิ่งที่ได้เรียนรู้จาก บราซิล เกี่ยวกับการไหลของ fundflow ต่างชาติ
ผมเป็นนักประวัติศาสตร์ตลาดหุ้น ผมศึกษาอดีต แต่ไม่ได้เดาอนาคต ตลาดหุ้นไทยจะเป็นแบบไหนไม่มีใครรู้ ต้องดูกันต่อไป สิ่งสำคัญคือ ถ้าจะอยู่รอดอย่าประมาท หูตาต้องไว อย่าหลอกตัวเอง อย่าเพ้อไปตามความฝัน พอเพียงและ อยู่กับปัจจุบันดีที่สุดครับ
คุณ ธีระชัย เขายกประเด็นบราซิล ผมว่าอันนี้น่าสนใจไม่ค่อยมีคนพูดถึง ผมเองทำ template ไว้เลยอยากนำเรื่องนีั้มาแชร์ เพราะมันเป็นกรณีศึกษาที่ดีนะ
ถ้าเราจำกันได้ช่วงหนึ่งกระแส BRIC มาแรงเงินไหลเข้าไปบราซิลจำนวนมาก ทำให้ค่าเงินเขาแข็งปั๋ง ตลาดหุ้น ตลาดพันธ์บัตรก็ทรงเดียวกับเราคือบวกแบบเกินพื้นฐาน บวกแบบไม่ลืมหูลืมตา
พอค่าเงินแข็งมาก ผู้ส่งออกเริ่มป่วย รัฐออกมาตรการเก็บภาษีนักลงทุนต่างประเทศ ค่าเงินจากที่แข็งกับอ่อนลงทันที ออกหนักตลาดหุ้น ตลาดพันธบัตร อสังหาเริ่มป่วน กระแสเงินทุนต่างชาติ ไหลออกมากและเร็ว รัฐบาลแก้เกมส์ด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไป ที่ร้อยละ 8 เพื่อกดอัตราเงินเฟ้อและชะลอการไหลออกของเงิน สุดท้ายเงินไหลออก บวกกับรัฐบาลขาดดุลงบประมาณ จนถูกลดอันดับเครดิต เงินที่เข้ามาในตลาดพันธ์บัตรก็ไหลออกอีก ต่างชาติกำไรสองต่อ ทั้งจากตลาดหุ้นและพันธ์บัตร
ดัชนี Brasil Sao Paulo Stock Exchange Index ทำจุดสูงสุดตอนปี 2010 แล้วไหลลงมามากกว่า 30% ลงหนักในช่วงปี 2011 (ตอนนั้น TIPS เริ่มเป็นพระเอกแล้ว) และเด้งไปมา แม้ไม่ลบหนักเหมือนปี 2008 แต่ตลาดซบเซาลงและไม่เคยกลับไปจุดสูงสุดนั้นอีกเลย
สิ่งที่ได้เรียนรู้จาก บราซิล เกี่ยวกับการไหลของ fundflow ต่างชาติ
1. เข้าตลาดหุ้น ทำกำไร โยกไปพันธบัตร ทำกำไรพันธ์บัตรตอนดอกเบี้ยขึ้น ตอนประเทศถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ แล้วออก
2. ฟันด์โฟลว์ต่างชาติ เวลาออกไม่ได้ออกพร้อมกัน เขารินขายเรื่อยๆ ก่อนกระหน่ำขายเป็นรอบๆ สลับเด้งสั้น
3. หุ้นทีขายไม่ใช่หุ้นไม่ดี หุ้นพื้นฐานดี แต่เป็นตัวกำไรมาก ออกไปก่อน(ราคาปรับเพิ่มมากจากอดีต) เพื่อให้ได้ราคาที่ดี และมีคนรับซื้อมาก ด้วยจำนวน volume ที่พวกนี้เก็บเยอะ เขาจะไม่ขายแบบทุบในตอนแรก เพื่อรักษากำไร ให้ไม่สูลเสียไปจากการ panic ของตลาด
เรื่องของบราซิล เป็นความผิดพลาดในการจัดการกับ กระแสเงิน fundflow จริงๆแล้ว ไทยอาจจะไม่พลาดอบแบบนั้น แต่ของแบบนี้ มันต้องดูกันต่อไป
2. ฟันด์โฟลว์ต่างชาติ เวลาออกไม่ได้ออกพร้อมกัน เขารินขายเรื่อยๆ ก่อนกระหน่ำขายเป็นรอบๆ สลับเด้งสั้น
3. หุ้นทีขายไม่ใช่หุ้นไม่ดี หุ้นพื้นฐานดี แต่เป็นตัวกำไรมาก ออกไปก่อน(ราคาปรับเพิ่มมากจากอดีต) เพื่อให้ได้ราคาที่ดี และมีคนรับซื้อมาก ด้วยจำนวน volume ที่พวกนี้เก็บเยอะ เขาจะไม่ขายแบบทุบในตอนแรก เพื่อรักษากำไร ให้ไม่สูลเสียไปจากการ panic ของตลาด
เรื่องของบราซิล เป็นความผิดพลาดในการจัดการกับ กระแสเงิน fundflow จริงๆแล้ว ไทยอาจจะไม่พลาดอบแบบนั้น แต่ของแบบนี้ มันต้องดูกันต่อไป