วันหยุดอยากเขียนเรื่องเบาๆให้เพื่อนๆได้อ่าน เลยขอหยิบเอาเรื่องของเทคโนโลยีและ โลกของเทรดเดอร์ยุคใหม่ ที่อนาคตเราคงได้เจอ มาแชร์ให้ลองได้อ่านกัน อ่านจบไม่ต้องกังวลจะตามไม่ทัน เพราะถ้าเป็นนักลงทุนในประเทศยังมีเวลาให้ท่านได้ศึกษาอีกเยอะ
เมื่อเช้าผมมีโอกาสได้อ่านงานเขียนของ financialsense.com เรื่อง "HFT Has Gamed the System - There’s No Room for Traders Anymore" ทำให้อยากลองเอาประเด็นนี้มาเล่าต่อ เสริมด้วยเรื่องราวอื่นๆเพิ่มเติมที่ผมได้ศึกษามา มีหลายเรื่องที่น่าสนใจ
ด้วยยุคใหม่ของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ยิ่งทำให้ ความซับซ้อนของ algorithm และความไวในการประมวลผล ไม่ต้องกังวลเรื่องของการดีเลย์และการ lagging (อันนี้เป็นปัญหาใหญ่ถ้าใครเคยทำระบบ ATS จะทราบดี) ที่ต้องตัดสินใจในเสี่ยวนาที ไม่มีปัญหาอีกต่อไป
ปัจจุบันกลุ่มบริษัทเริ่มนำเอาระบบ Cloud Computing แบบ Private clouds เขามาให้ใช้ให้บริการในลักษณะ IaaS กับระบบ Automatic Trading system บ้างแล้ว แต่ยังอยู่ในวงจำกัด ข้อดีคือประมวลผลส่วนกลางบนก้อนเมฆโครงข่ายคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง การส่งคำสั่งเกิดจากตัว engine ที่อยู่บน IaaS เชื่อมต่อตรงเข้ากับระบบ Gateway ของโบรกได้ทันที เร็วกว่ารูปแบบเดิมที่ใช้งานกัน
เมื่อเช้าผมมีโอกาสได้อ่านงานเขียนของ financialsense.com เรื่อง "HFT Has Gamed the System - There’s No Room for Traders Anymore" ทำให้อยากลองเอาประเด็นนี้มาเล่าต่อ เสริมด้วยเรื่องราวอื่นๆเพิ่มเติมที่ผมได้ศึกษามา มีหลายเรื่องที่น่าสนใจ
ผมเชื่อว่าคงเคยได้ยินเรื่องของ Cloud Computing หรือ การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆกันมาบ้างแล้ว ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านระบบคอมพิวเตอร์แบบ Cloud Computing พัฒนาไปมากและได้รับการยอมรับ ในการนำมาใช้ในการประมวลผล ทดแทนระบบคอมพิวเตอร์แบบเดิมกันอย่างกว้างขว้างมากขึ้น ด้วยหน่วยการประมวลผลสมรรถนะสูงจำนวนมากที่เชื่อมต่อกัน ถูกบริหารจัดการทรัพยากรจากส่วนกลาง แบ่งปันทรัพยากรให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ โดยผู้ใช้สามารถใช้งานทรัพยากรและหน่วยประมวลผลกลาง เพื่อประมวลผลข้อมูลที่ซับซ้อนอย่างสะดวกผ่านระบบบอินเตอร์เน็ต จากเครื่องคอมพิวเตอร์ธรรมดา หรือจากโทรศัพท์มือถือแบบ smartphone
หลาย application หลายโปรแกรม ได้นำเอา Cloud Computing ไปใช้งานจริงในเชิงพาณิชย์และเชิงบริการแล้ว ซึ่งด้วยความสามารถของระบบคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูงทำให้ application ต่างๆที่รันบน Cloud มีสถาปัตยกรรมเชิงบริการที่รองรับ งานประมวลผลข้อมูลซับซ้อนได้ดี ในขณะที่ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องทรัพยากรในการประมวลผลและราคาต้นทุนของการ Implement ระบบIT infrastructure ขั้นสูงอีกต่อไป
มาถึงเรื่องของระบบเทรด ในตลาดต่างประเทศ Global market ไม่ว่าจะเป็นตลาดเงิน ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ หรือตลาดสัญญาล่วงหน้า ต่างรองรับระบบเทรดแบบอัตโนมัติ(Automatic Trading system) ระบบเทรดที่ทำงานเองตาม Algorithm ที่เทรดเดอร์หรือนักกลยุทธ์ออกแบบ และแปลงมันเป็นภาษาคอมพิวเตอร์บน Trading platform ที่รองรับเชื่อมต่อกับตลาด
แน่นอนว่าลืมภาพที่ เทรดเดอร์มานั่งดูกราฟ ส่งคำสั่งซื้อขาย หน้าจอสามสี่จอไปได้เลย ระบบเทรดอัตโนมัติ คนทำหน้าที่ supervise แต่ไม่ต้องเทรดเอง โดย Automatic Trading system จะรวมทั้งสัญญาณการซื้อขาย, ระบบบริหารจัดการเงิน, การบริหารจัดการ order ให้ตรงกับกลยุทธ์ที่วางไว้ โดยทั่วไปเราก็จะใช้เครื่องแม่ข่ายหรือเครื่องคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูงแบบ Multiprocessingในการ Run ตัวระบบอัตโนมัติตลอด 24 ชม. เหมือนเป็นนักรบที่คอยเข้าไปฟาดฟัน ชิงชัยในตลาดทุนแทนเทรดเดอร์ แถมลดเรื่องของภาวะจิตใจ หรือเรื่องของจิตวิทยาที่มีผล ต่อการตัดสินใจไปได้มาก ทดแทนด้วยกลยุทธ์ โมเดลคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนเพื่อมาตัดสินใจในสถานะการณ์ทีเกิดแทนคน
ปัจจุบันกลุ่มบริษัทเริ่มนำเอาระบบ Cloud Computing แบบ Private clouds เขามาให้ใช้ให้บริการในลักษณะ IaaS กับระบบ Automatic Trading system บ้างแล้ว แต่ยังอยู่ในวงจำกัด ข้อดีคือประมวลผลส่วนกลางบนก้อนเมฆโครงข่ายคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง การส่งคำสั่งเกิดจากตัว engine ที่อยู่บน IaaS เชื่อมต่อตรงเข้ากับระบบ Gateway ของโบรกได้ทันที เร็วกว่ารูปแบบเดิมที่ใช้งานกัน
คาดว่าระบบนี้อนาคตในไม่ช้าคงมาถึง เพราะหลายเจ้าเริ่มนำเสนอและซุ่มพัฒนากันแล้ว แม้แต่ Trading Platform สำคัญๆใน Global market เช่น Meta trader ก็มีการนำเสนอการวิจัยพัฒนาในรูปแบบนี้ ถ้ามัน work และสามารถคิดสูตรค่าบริการที่ลงตัวได้ เชื่อว่าหลายโบรกคงจะเริ่มนำมาเปิดให้ลูกค้าใช้งาน ภายในปีสองปีนี้ ลองอ่านต่อเพิ่มเติมได้บทความในจาก link (บทความเก่าเมื่อสองปีที่แล้ว)
เรื่องนี้นำมาเล่าสู่กันฟังเพื่อให้ พวกเราเห็นภาพสิ่งที่เกิดในตลาดโลก ตลาดทุนยังไงคงอยู่ต่อไปกับระบบเศรษฐกิจโลก เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ก็ยังพัฒนาต่อไปแบบไม่หยุดยั้ง อนาคตภาพเทรดเดอร์เดิมๆที่เรารู้จักอาจจะค่อยๆจางลง นักคณิตศาสตร์ นักฟิสิกส์ นักคอมพิวเตอร์ รวมถึงนักกลยุทธ์ จะเข้ามีบทบาทมากขึ้นในการทำระบบเทรดขั้นสูง เพื่อต่อสู้ในสงครามการเงินหรือฝรั่งเรียก financial weapon
สำหรับตลาดหุ้นไทยมันคงไม่เกิดในปีนี้ ปีหน้าง่ายๆ แต่เรื่องนี้มันตอบคำถามของเพื่อนๆบางคนที่ถามว่า ถ้าทุกคนเก่งเทคนิคอลหมด รู้เรื่องกราฟ หมดแล้ว จะชนะกันยังไง สุดท้ายระบบนิเวศของตลาดหุ้นมันก็ต้องพัฒนาไปตามกระแสโลกครับ เหมือนดังเช่นประเทศใหญ่ๆ ที่มีตลาดหุ้นมา 30 -40 ปี เช่น อเมริกา ยุโรป ญูี่ปุ่น ตัวเราก็ต้องพัฒนาเรียนรู้ ตามถึงจะอยู่รอดครับ