ผมเป็นคนไฮเปอร์ เป็นเจ้าโปรเจค
มีโครงการอะไรต่างๆอยากทำมากมาย ไอเดียส่วนใหญ่ผุดออกมาเมื่อเราได้ อ่าน ได้ดู
ได้เห็น หลายสิ่งรอบตัวทำให้เกิดอยากทำงานสร้างสรรค์ในแบบของเราด้วยตัวเราบ้าง
เริ่มคิดเริ่มฝัน ก็มันส์ก็สนุกและมีความสุขแล้ว
เริ่มแรกผมจะละเลงไอเดีย
ตัวเองลงในสมุดโน๊ต ที่ผกติดตัว เขียนแบบร่างและลำดับความคิดด้วย Mind map โดยในขั้นแรก ผมจะเน้นที่ความคิดสร้างสรรค์ ใส่จินตนาการลงไป
พยายามยังไม่หาเหตุลบ หรือใส่ข้อจำกัดลงไป เพราะต้องการดูว่ามันจะไหลได้ไปถึงไหน
สนุกกับไปกับมัน
เมื่อแบบร่างเสร็จ ค่อยมาตกผลึก
มาหาความเป็นไปได้ พิจารณาข้อจำกัด กำหนดเป้าหมายและแก่น ของสิ่งที่จะลงมือทำ
เพื่อวางแผนวางกลยุทธ์ กำหนดเวลาไล่เรียง ลำดับงานที่ต้องทำ
และก็ลงมือทำจนเสร็จ
แต่ไม่ว่างานใดๆ โครงการใดๆ
แม้เรารักจะอยากทำแค่ไหนใช่ว่าจะสำเร็จลงได้ง่ายเหมือนดั่งใจนึก
เราต้องเจอกับอุปสรรคนานานับประการ เพื่อเป็นบทพิสูจน์จิตใจ
เป็นสิ่งทดสอบความมุ่งมั่นและตั้งใจของเรา ถ้าเราท้อแท้หมดแรงไปเสียก่อน
ทุกอย่างก็เป็นอันจบลง ตรงนั้น
ตลาดหุ้นก็เช่นเดียวกันครับ
เมื่อเราอยากเป็นนักลงทุนหรือเป็นนักเก็งกำไรที่ประสบความสำเร็จ เราก็ต้องต่อสู้
ต้องพยายามจนถึงที่สุด เพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย ต้องฝึกฝน ศึกษา
และหาประสบการณ์จริงจากตลาดหุ้น ผ่านช่วงที่สมหวัง และผิดหวัง
พูดถึงเรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงหนังสือของ The dip ของ Seth Godin ที่เขาบอกว่า การที่เราจะประสบความสำเร็จ
ไปถึงเป้าหมายปลายทางได้นั้น ยังไงเสียก็ต้องพบกับอุปสรรค หลุมบ่อ(The
Dip) ในชีวิตที่ต้องก้าวผ่านไป ต้องเลอะเทอะ เปอะเปื้อน เพื่อแลกมาซึ่งความสำเร็จ
แบบหนีไม่ได้ ที่สำคัญอุปสรรคมักมาเป็นฝูง มีมากกว่าหนึ่งการประสบความสำเร็จ
ต้องวัดกันที่การยืนระยะหรืออัตราการอยู่รอด ยิ่งแข็งแกร่ง เอาชนะหลุมบ่อ
อันเป็นอุปสรรค เล็กใหญ่ได้โอกาส ที่จะการันตรีความสำเร็จได้นั้นก็มีสูง
แต่ถ้ารักสบายแต่ต้น ไปเลือกเดินทางเหว แน่นอนว่าแรกๆสบาย
แต่สุดท้ายเมื่อถล่ำตัวลึกก็จะยิ่งพบกับ หายนะ เช่นถ้าอยากรวย อยากได้กำไรจากหุ้น
ง่ายๆเร็วๆหวังขอหุ้น ลอกหุ้นจากกูรู จากศาสดา หรือแม้แต่เพื่อนฝูงรอบตัว
แน่นอนว่าแบบนั้นอาจจะได้กำไรในช่วงแรกๆ เมื่อได้กำไรก็อยากได้อีก เสพติดกำไร
ชอบเสี่ยงเกินตัว แต่สุดท้ายระยะยาวแล้วก็ขาดทุน เพราะซื้อขายหุ้น ตามผู้อื่น
แบบไร้ทิศทาง ไร้หลักการ เมื่อยามเจอภาวะวิกฤติ หรือเกิดความผันผวน โอกาสจะขาดทุน
โอกาสที่จะไม่สามารถเอาตัวรอดได้ก็จะมีสูง เพราะเมื่อรักษา ไม่ชอบลำบาก
ทักษะความรู้ความสามารถในการลงทุนก็ไม่ถูกพัฒนา
อีกประเภทที่ ต้องตระหนักคือ
คนที่เลือกทางเดินประเภท ทางตัน แรกๆก็เดินสบาย เดินได้เรื่อยๆ ไม่เหนื่อย ไม่ลำบาก
แต่สุดท้ายยิ่งเดินยิ่งเจอทางแคบ ทางตัน ไม่ก้าวหน้าไปไหน อยู่กับที่
ไปไม่ถึงเป้าหมายปลายทางแห่งความสำเร็จ เพราะความรู้ความสามารถไม่เพียงพอ
เปรียบได้กับคนที่เมื่อรู้แล้วหยุด
อยู่กับที่ ไม่หมั่นเรียนรู้สิ่งใหม่ ไม่พัฒนาตนเองไปตาม สถาณการณ์ ภาวะแวดล้อม
รักเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนเองรู้ ตนเองเชื่อ จนไม่เปิดใจเรียนรู้ หรือศึกษาสิ่งใหม่
นอกจากนี้ยังมีอคติ ไม่คิดสนทนา แลกเปลี่ยนความรู้ เพื่อสังเคราะห์
ตกผลึกองค์ความรู้ ให้ต่อยอดไป
ถ้าอยากประสบความสำเร็จ
เราต้องเปิดใจรับอุปสรรค อย่ากลัวที่จะก้าวลงไปในหลุมในบ่อ
แต่การก้าวผ่านอุปสรรคจำเป็นต้อง อาศัยการวางแผน การคิดการไตร่ตรอง อย่างมีสติ
เพื่อที่เมื่อเราก้าวลงไปแล้ว จะได้กลับขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย ครับ