วัยเด็ก การ์ตูนเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงจินตนาการ ของเราได้เป็นอย่างดี สมัยนั้้นเด็กผู้ชายส่วนใหญ่ต้องรู้จัก กัปตันซึบาสะ การ์ตูนฟุตบอลแฟนตาซียอดฮิตผสมจิตนาการ จำได้ว่าตอนเรียนประถม ยามเช้า ยามเที่ยง ยามเย็น ต้องชวนเพื่อนพากันไปเล่นบอลโกหนู ด้วยลูกบอลพลาสติก วิ่งไล่เตะ ไล่หวดกันแบบบอลวัด โดยสมมติกันเป็นตัวละครในการตูนซึบาสะ ได้ทั้งเหงือได้ทั้งความสนุก กันไป
โตขึ้นมาหน่อยระดับมัธยม การ์ตูนฟุตบอล อย่าง "Whistle! ไอ้หนูแข้งทอง", "ยิงประตูสู่ฝัน" ,"viva calcio" ก็เป็นอีกหนึ่งการ์ตูนที่เน้นไปทางการวิ่งตามฝัน การพาตัวเองจากนักเตะเยาวชนโนเนมไปสู่การเล่นระดับอาชีพ การไปเป็นนักเตะดาวรุ่ง การร่วมมือกันพาทีมไปสู่เป้าหมายชัยชนะ การ์ตูนสามเรื่องนี้ จะให้แรงบันดาลใจ และจิตนาการที่หล่อเลี้ยงความฝัน การอยากเป็นดาวรุ่งในการเล่นฟุตบอลของเด็กๆได้ดี แน่นอนว่าคงไม่ใช่ทุกคนที่อยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ แต่เชื่อเถอะครับว่าเสี่ยวหนึ่งของความคิด ในวัยขาสั้นที่วิ่งไล่เตะฟุตบอลในสนาม เด็กผู้ชายทุกคนอยากเล่นบอลเหนือชั้น กันทั้งนั้น
จากเด็กธรรมดาที่ชอบเล่นฟุตบอล ทั้งโลกคงมีไม่กี่เปอร์เซ็นต์ที่เลือกเส้นทางนี้เป็นงานเลี้ยงชีพ และคงมีไม่มากเท่าไหร่ ที่ได้ประสบความสำเร็จ เป็นนักฟุตบอลอาชีพ มีชื่อเสียง เป็นดาวเด่น ติดทีมชาติ มีค่าตัวหลายล้านเหรียญ มีค่าเหนื่อยต่อสัปดาห์มหาศาล การไปถึงจุดนั้นได้ นั้นยากแสนเข็ญ
ด้วยข้อจำกัดเรื่องของอายุที่ต้องเร่งประสบความสำเร็จก่อน 25, ฝีเท้าที่ต้องโดดเด่นเหนือกว่าคู่แข่งในตำแหน่งเดียวกัน ถ้ายิ่งไม่มีพรสวรรค์ยิ่งยากไปใหญ่ และร่างกายที่ต้องสมบูรณ์ ปราศจากการบาดเจ็บ รวมไปถึงจิตใจ ที่ต้องเข้มแข็งเสียสละชีวิตส่วนตัว เพื่อฟุตบอล เพื่อการซ้อมว่ากันว่า นักฟุตบอลอาชีพใช้เวลาซ้อมมากกว่า 90% แต่ใช้เวลาลงสนามแข่งขันแค่ 10% ของเวลาทั้งหมด ดังนั้นที่กล่าวมาการเป็นนักฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จไม่ง่ายเลย
ด้วยความที่ไม่ง่ายและมีจำกัด จึงเกิดเป็นมูลค่าในตัวนักเตะขึ้น หลายคนอาจจะเคยได้ยินเรื่องค่าตัวนักเตะระดับโลกที่แพงมหาศาล ค่าเหนื่อยเงินเดือนที่มากกว่าอาชีพทั่วไปมากมายหลายเท่านัก มันจึงเกิดเป็นช่องทางการลงทุนของเหล่าบรรดา Hedgefund ที่สามสี่ปีมานี้ เริ่มเข้ามาลงทุนในนักเตะดาวรุ่ง เพื่อหาผลกำไรจากการเติบโตของมูลค่านักเตะ กันมากขึ้น
ตัวอย่างการลงทุนเพื่อทำกำไรของ hedgefund ก็คือการเข้าไปช่วยเหลือ สโมสรฟุตบอล ที่มีปัญหาการเงินโดยเฉพาะในสเปน อิตาลี และประเทศในลาตินอเมริกา เพื่อร่วมลงขันเป็นเจ้าของในสัญญาของนักเตะดาวรุ่ง เป็นประมาณ 20-30% จำนวนเงินก็จะขึ้นกับการประเมินค่าตัวของนักเตะแต่ละคนในสโมสร โดยสโมสร ก็จะได้นำเงินส่วนนี้จากกองทุน hedge fund ไปใช้เป็นค่าเลี้ยงดู ค่าฝึกสอน บำรุงรักษานักเตะ
ส่วน Hedge fund ได้กำไร กรณีนักเตะเยาวชน หรือนักเตะคนนั้น ฉายแววเด่น มีทีมยักษ์ใหญ่ยอมทุ่มเงิน ทำสัญญาซื้อตัวไปเล่นในสโมสรระดับโลก ไม่ต่างอะไรกับการลงทุนในหุ้นระยะยาว เพราะ Hedge fund จะเข้าเป็นหุ้นส่วนเจ้าของนักเตะ ที่มีสัญญา 3-5 ปี โดยพวกนี้จะมีแมวมองส่วนตัวที่หาดาวเด่น ของแต่ละสโมสรเพื่อติดต่อขอร่วมลงทุน ดาวเด่นนี้ส่วนมากจะอายุน้อย ยังไม่เป็นที่รู้จักและมีฝีเท้าดีเยี่ยม ตรงนี้ถ้าจับดาวรุ่งถูกตัวก็รวยเละเทะได้เหมือนกัน
ปัจจุบันมีหลายกองทุนที่ทำการลงทุนในลักษณะนี้ เช่น Quality Sports Investments Ltd., London-based Doyen Capital Partners LLP, Banco Espirito Santo SA (BES) เป็นต้น โดยบางกองมีมูลค่าการลงทุนหลายร้อนล้านเหรียญ กองทุนเหล่านี้มีส่วนถือหุ้นในสัญญานักเตะดาวรุ่งในสโมสรต่างๆในสเปน อิตาลี ตุรกี และลาตินอเมริกา สโมสรเล็กๆหรือสโมสรที่ต้องการเงินช่วยเหลือ ก็จะนิยมเปิดให้ hedgefund เข้ามาลงทุนเช่น Atletico Madrid, Sporting Lisbon และอื่นๆ แต่ในบางประเทศสมาคมฟุตบอล นั้ยยังไม่อนุญาติให้ดำเนินการลักษณะนี้ เช่นประเทศอังกฤษ ที่ออกมาห้ามหลังเจอปัญหากับ คาร์รอส เตเวส(Carlos Tevez) ที่เป็นเด็กของ hedge fund ต้องการโอนสิทธิ์ต่อเนื่องข้ามสโมสร
โตขึ้นมาหน่อยระดับมัธยม การ์ตูนฟุตบอล อย่าง "Whistle! ไอ้หนูแข้งทอง", "ยิงประตูสู่ฝัน" ,"viva calcio" ก็เป็นอีกหนึ่งการ์ตูนที่เน้นไปทางการวิ่งตามฝัน การพาตัวเองจากนักเตะเยาวชนโนเนมไปสู่การเล่นระดับอาชีพ การไปเป็นนักเตะดาวรุ่ง การร่วมมือกันพาทีมไปสู่เป้าหมายชัยชนะ การ์ตูนสามเรื่องนี้ จะให้แรงบันดาลใจ และจิตนาการที่หล่อเลี้ยงความฝัน การอยากเป็นดาวรุ่งในการเล่นฟุตบอลของเด็กๆได้ดี แน่นอนว่าคงไม่ใช่ทุกคนที่อยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ แต่เชื่อเถอะครับว่าเสี่ยวหนึ่งของความคิด ในวัยขาสั้นที่วิ่งไล่เตะฟุตบอลในสนาม เด็กผู้ชายทุกคนอยากเล่นบอลเหนือชั้น กันทั้งนั้น
จากเด็กธรรมดาที่ชอบเล่นฟุตบอล ทั้งโลกคงมีไม่กี่เปอร์เซ็นต์ที่เลือกเส้นทางนี้เป็นงานเลี้ยงชีพ และคงมีไม่มากเท่าไหร่ ที่ได้ประสบความสำเร็จ เป็นนักฟุตบอลอาชีพ มีชื่อเสียง เป็นดาวเด่น ติดทีมชาติ มีค่าตัวหลายล้านเหรียญ มีค่าเหนื่อยต่อสัปดาห์มหาศาล การไปถึงจุดนั้นได้ นั้นยากแสนเข็ญ
ด้วยข้อจำกัดเรื่องของอายุที่ต้องเร่งประสบความสำเร็จก่อน 25, ฝีเท้าที่ต้องโดดเด่นเหนือกว่าคู่แข่งในตำแหน่งเดียวกัน ถ้ายิ่งไม่มีพรสวรรค์ยิ่งยากไปใหญ่ และร่างกายที่ต้องสมบูรณ์ ปราศจากการบาดเจ็บ รวมไปถึงจิตใจ ที่ต้องเข้มแข็งเสียสละชีวิตส่วนตัว เพื่อฟุตบอล เพื่อการซ้อมว่ากันว่า นักฟุตบอลอาชีพใช้เวลาซ้อมมากกว่า 90% แต่ใช้เวลาลงสนามแข่งขันแค่ 10% ของเวลาทั้งหมด ดังนั้นที่กล่าวมาการเป็นนักฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จไม่ง่ายเลย
ด้วยความที่ไม่ง่ายและมีจำกัด จึงเกิดเป็นมูลค่าในตัวนักเตะขึ้น หลายคนอาจจะเคยได้ยินเรื่องค่าตัวนักเตะระดับโลกที่แพงมหาศาล ค่าเหนื่อยเงินเดือนที่มากกว่าอาชีพทั่วไปมากมายหลายเท่านัก มันจึงเกิดเป็นช่องทางการลงทุนของเหล่าบรรดา Hedgefund ที่สามสี่ปีมานี้ เริ่มเข้ามาลงทุนในนักเตะดาวรุ่ง เพื่อหาผลกำไรจากการเติบโตของมูลค่านักเตะ กันมากขึ้น
ตัวอย่างการลงทุนเพื่อทำกำไรของ hedgefund ก็คือการเข้าไปช่วยเหลือ สโมสรฟุตบอล ที่มีปัญหาการเงินโดยเฉพาะในสเปน อิตาลี และประเทศในลาตินอเมริกา เพื่อร่วมลงขันเป็นเจ้าของในสัญญาของนักเตะดาวรุ่ง เป็นประมาณ 20-30% จำนวนเงินก็จะขึ้นกับการประเมินค่าตัวของนักเตะแต่ละคนในสโมสร โดยสโมสร ก็จะได้นำเงินส่วนนี้จากกองทุน hedge fund ไปใช้เป็นค่าเลี้ยงดู ค่าฝึกสอน บำรุงรักษานักเตะ
ส่วน Hedge fund ได้กำไร กรณีนักเตะเยาวชน หรือนักเตะคนนั้น ฉายแววเด่น มีทีมยักษ์ใหญ่ยอมทุ่มเงิน ทำสัญญาซื้อตัวไปเล่นในสโมสรระดับโลก ไม่ต่างอะไรกับการลงทุนในหุ้นระยะยาว เพราะ Hedge fund จะเข้าเป็นหุ้นส่วนเจ้าของนักเตะ ที่มีสัญญา 3-5 ปี โดยพวกนี้จะมีแมวมองส่วนตัวที่หาดาวเด่น ของแต่ละสโมสรเพื่อติดต่อขอร่วมลงทุน ดาวเด่นนี้ส่วนมากจะอายุน้อย ยังไม่เป็นที่รู้จักและมีฝีเท้าดีเยี่ยม ตรงนี้ถ้าจับดาวรุ่งถูกตัวก็รวยเละเทะได้เหมือนกัน
ปัจจุบันมีหลายกองทุนที่ทำการลงทุนในลักษณะนี้ เช่น Quality Sports Investments Ltd., London-based Doyen Capital Partners LLP, Banco Espirito Santo SA (BES) เป็นต้น โดยบางกองมีมูลค่าการลงทุนหลายร้อนล้านเหรียญ กองทุนเหล่านี้มีส่วนถือหุ้นในสัญญานักเตะดาวรุ่งในสโมสรต่างๆในสเปน อิตาลี ตุรกี และลาตินอเมริกา สโมสรเล็กๆหรือสโมสรที่ต้องการเงินช่วยเหลือ ก็จะนิยมเปิดให้ hedgefund เข้ามาลงทุนเช่น Atletico Madrid, Sporting Lisbon และอื่นๆ แต่ในบางประเทศสมาคมฟุตบอล นั้ยยังไม่อนุญาติให้ดำเนินการลักษณะนี้ เช่นประเทศอังกฤษ ที่ออกมาห้ามหลังเจอปัญหากับ คาร์รอส เตเวส(Carlos Tevez) ที่เป็นเด็กของ hedge fund ต้องการโอนสิทธิ์ต่อเนื่องข้ามสโมสร
ตัวอย่างการทำกำไรของ Hedgefund ที่สามารถทำกำไรจากสัญญาซื้อขายนักเตะได้มากถึง 60% คือ Lisbon-based Espirito Santo ซึ่งเป็นเจ้าของ Benfica All Stars fund ที่ได้สิทธิในสัญญาของนักเตะดาวรุ่งจำนวนมาในสโมสรต่างของโปรตุเกส ด้วยเงินลงทุน $62 million
ผลตอบแทนหนึ่งที่โดดเด่นคือกรณีของ Angel di Maria yielded ที่ย้ายจาก เบนฟิก้า(Benfica) ของโปรตุเกสไปเรียล แมดริด( Real Madrid)ของสเปน ด้วยมูลค่าสัญญาถึง $50 million โดย Lisbon-based Espirito Santo ถือสิทธิ 20% ของสัญญาโดยลงทุนร่วมกับทีมต้นสังกัดเดิมจำนวน $6.15 million ในตัวของนักเตะดาวรุ่งคนนี้ในปี 2009 ทำให้ได้กำไรประมาณ 64% จากการซื้อขายครั้งนี้
อีกตัวอย่างเป็นกรณีของ Nuno Gonçalves ผู้จัดการกองทุนความเสี่ยงของ Football Players Funds Management Ltd. ที่บริหารเงินระดับ $14 million เพื่อลงทุนในสัญญานักเตะดาวรุ่ง เขาเคยลงทุนในนักฟุตบอลดาวรุ่ง ที่กลายเป็นซุปตาร์ระดับโลกดังๆหลายคนเช่น คริสเตียนโน โรนัลโด, ริคาโด คารอส โดยเขาและทีมงานแมวมองจะออกเซาะหาดาวรุ่งเพื่อมาร่วมลงทุน กับสโมสรต้นสังกัดโดยหวังกำไรจาก มูลค่านักเตะในอนาคตโดยบริษัท Orey Group เข้าร่วมลงทุนกับสโมสรสปิอร์ตติ้งลิสบอน ต้นสังกัดของ คริสเตียนโน โรนัลโด ตั้งแต่ปีกจอมสับคนนี้เล่นให้กับทีมเยาวชน ตั้งแต่ตอนอายุ 16 ปี โดย Nuno Gonçalves ได้ลงทุน 384,000 ดอลลาร์ สัดส่วน 35% ของมูลค่าตามสัญญาในขณะนั้น ตอนปี 2003 เมื่อย้ายไป แมนเซสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมมหาเทพแห่งเกาะอังกฤษด้วยค่าตัว $19.2 million ทำให้ Nuno Gonçalves ได้กำไรจากการลงทุนครั้งนั้น $6.1 million
นักฟุตบอลระดับโลกดังๆหลายคนยังเคยเป็น ส่วนหนึ่งในการลงทุนร่วมระหว่าง hedge fund และสโมสร โดยเฉพาะปัจจุบันยิ่งเศรษฐกิจของยุโรปมีปัญหา ทำให้หลายสโมสรเฉพาะในอิตาลีและสเปน เริ่มขาดสภาพคล่องและต้องการความช่วยเหลือทางการเงิน แต่แน่นอนว่าทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง แม้การลงทุนในนักเตะดาวรุ่งจะสามารถทำกำไรได้มาก
แต่โอกาสเสี่ยงขาดทุนก็มีมากได้เช่นกัน โดยเฉพาะกรณีที่นักเตะไม่สามารถแสดงผลงานที่โดดเด่นได้ หรือเกิดอาการบาดเจ็บหรือประสบอุบัติเหตุ (กรณีนี้ hedgefund มักจะทำประกันเอาไว้เพื่อป้องกันความเสี่ยง) หรือในกรณีที่นักเตะปฏิเสธจะย้ายทีมแม้สัญญาค่าตัวมูลค่าจะสูง แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเสมอ ในการลงทุนนักเตะดาวรุ่ง 10 คนโอกาสประสบความสำเร็จอาจจะน้อยกว่า 40% (4 คน) แต่ส่วนใหญ่ถ้านักเตะสามารถแสดงผลงานที่ดี โชว์ฟอร์มเทพมาได้นั้น โอกาสจะทำกำไรมหาศาลจากสัญญาซื้อขายก็มีสูงเช่นกัน
ผมนำเรื่องนี้มาเพื่อให้ดูเป็นตัวอย่างว่า ไม่ว่าจะลงทุนในสินทรัพย์อะไร การลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยงเสมอ ไม่ว่าจะลงทุนสั้นหรือยาว สิ่งสำคัญคือ ผู้ลงทุนต้องรู้จักความเสี่ยงและบริหารจัดการความเสี่ยงให้ได้ กรณีนี้จะเห็นว่า hedgefund จะกระจายความเสี่ยงไปที่นักเตะหลายคนด้วยเงินลงทุนที่ไม่มากเกิน 30%ต่อคน แบะมีการทำประกันความเสี่ยงจากอุบัติเหตุไว้เสมอ
เรื่องการเลือก สินทรัพย์ให้ถูก ในกรณีนี้คือเลือกนักเตะให้ถูกคน, รอจังหวะการเข้าลงทุน เมื่อเจอของดีต้องรู้จักรอ กรณีนี้เมื่อแมวมองของ hedgefund เจอนักเตะเข้าจะไม่รีบลงทุน แต่ติดตามเป็นเดือนๆเพื่อประเมินศักยภาพ ประเมินทักษะ รอจังหวะที่เข้าฟอร์มจึงติดต่อเข้าลงทุน
นี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างรูปแบบการลงทุน ที่คล้ายกับการลงทุนในหุ้นระยะยาว นำมาให้เรียนรู้กันครับว่าคนรวย เขาหาทางบริหารเงินของพวกเขาผ่านกองทุนป้องกันความเสี่ยง ได้ในหลายช่องทาง เพื่อกระจายความเสี่ยงในยามที่เศรษฐกิจโลกผันผวน อัตราดอกเบี้ยจะต่ำ เงินมากมายของพวกเขาย่อมต้องไม่หยุดทำงานครับ
อ้างอิงบทความ
http://www.bloomberg.com/news/2011-10-30/hedge-funds-eye-64-percent-return-on-soccer-s-next-ronaldo-as-fans-jeer.html
http://online.wsj.com/article/SB115203369956997529.html.
http://www.eurasiareview.com/31102011-dubai-bank-launches-first-soccer-hedge-fund-despite-mounting-fan-opposition-analysis/
http://squaremile.com/news/335/Hedge-Funds-Make-64-Return-On-Football-Players.html
ผลตอบแทนหนึ่งที่โดดเด่นคือกรณีของ Angel di Maria yielded ที่ย้ายจาก เบนฟิก้า(Benfica) ของโปรตุเกสไปเรียล แมดริด( Real Madrid)ของสเปน ด้วยมูลค่าสัญญาถึง $50 million โดย Lisbon-based Espirito Santo ถือสิทธิ 20% ของสัญญาโดยลงทุนร่วมกับทีมต้นสังกัดเดิมจำนวน $6.15 million ในตัวของนักเตะดาวรุ่งคนนี้ในปี 2009 ทำให้ได้กำไรประมาณ 64% จากการซื้อขายครั้งนี้
Angel di Maria yielded
แต่โอกาสเสี่ยงขาดทุนก็มีมากได้เช่นกัน โดยเฉพาะกรณีที่นักเตะไม่สามารถแสดงผลงานที่โดดเด่นได้ หรือเกิดอาการบาดเจ็บหรือประสบอุบัติเหตุ (กรณีนี้ hedgefund มักจะทำประกันเอาไว้เพื่อป้องกันความเสี่ยง) หรือในกรณีที่นักเตะปฏิเสธจะย้ายทีมแม้สัญญาค่าตัวมูลค่าจะสูง แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเสมอ ในการลงทุนนักเตะดาวรุ่ง 10 คนโอกาสประสบความสำเร็จอาจจะน้อยกว่า 40% (4 คน) แต่ส่วนใหญ่ถ้านักเตะสามารถแสดงผลงานที่ดี โชว์ฟอร์มเทพมาได้นั้น โอกาสจะทำกำไรมหาศาลจากสัญญาซื้อขายก็มีสูงเช่นกัน
ผมนำเรื่องนี้มาเพื่อให้ดูเป็นตัวอย่างว่า ไม่ว่าจะลงทุนในสินทรัพย์อะไร การลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยงเสมอ ไม่ว่าจะลงทุนสั้นหรือยาว สิ่งสำคัญคือ ผู้ลงทุนต้องรู้จักความเสี่ยงและบริหารจัดการความเสี่ยงให้ได้ กรณีนี้จะเห็นว่า hedgefund จะกระจายความเสี่ยงไปที่นักเตะหลายคนด้วยเงินลงทุนที่ไม่มากเกิน 30%ต่อคน แบะมีการทำประกันความเสี่ยงจากอุบัติเหตุไว้เสมอ
เรื่องการเลือก สินทรัพย์ให้ถูก ในกรณีนี้คือเลือกนักเตะให้ถูกคน, รอจังหวะการเข้าลงทุน เมื่อเจอของดีต้องรู้จักรอ กรณีนี้เมื่อแมวมองของ hedgefund เจอนักเตะเข้าจะไม่รีบลงทุน แต่ติดตามเป็นเดือนๆเพื่อประเมินศักยภาพ ประเมินทักษะ รอจังหวะที่เข้าฟอร์มจึงติดต่อเข้าลงทุน
นี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างรูปแบบการลงทุน ที่คล้ายกับการลงทุนในหุ้นระยะยาว นำมาให้เรียนรู้กันครับว่าคนรวย เขาหาทางบริหารเงินของพวกเขาผ่านกองทุนป้องกันความเสี่ยง ได้ในหลายช่องทาง เพื่อกระจายความเสี่ยงในยามที่เศรษฐกิจโลกผันผวน อัตราดอกเบี้ยจะต่ำ เงินมากมายของพวกเขาย่อมต้องไม่หยุดทำงานครับ
อ้างอิงบทความ
http://www.bloomberg.com/news/2011-10-30/hedge-funds-eye-64-percent-return-on-soccer-s-next-ronaldo-as-fans-jeer.html
http://online.wsj.com/article/SB115203369956997529.html.
http://www.eurasiareview.com/31102011-dubai-bank-launches-first-soccer-hedge-fund-despite-mounting-fan-opposition-analysis/
http://squaremile.com/news/335/Hedge-Funds-Make-64-Return-On-Football-Players.html