เคยรู้สึกบ้างไหมครับว่าผ่านไปไม่นานก็หมดสัปดาห์ เผลอเดี๊ยวเดียวก็จะหมดปีอีกแล้ว "เวลา" เป็นทรัพยากรที่มีค่าและมีจำกัด(ตามแต่อายุไขของแต่ละบุคคล) แต่ใน 1 วันทุกคนไม่ว่าจะยากดีมีจน ฐานะสูงส่งต่างกันแค่ไหนเราก็มีเวลาแค่ 24 ชั่วโมงเท่ากัน
ประเด็นเรื่องของเวลา เคยถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นหลักในภาพยนต์เรื่อง "in time" โดยเฉพาะการวางโครงเรื่องวิธีคิดที่แตกต่างไปจากโลกปัจจุบัน คือให้เวลาเป็นสิ่งมีค่าสูงสุดของทุกคน มีเงินมากก็ซื้อเวลาได้มาก สามารถยืดเวลาตายได้ไปอีก หรือใช้เวลาในการซื้อหาสิ่งของ ใช้จับจ่ายแทนเงิน ทำงานแลกเวลา แน่นอนว่าถ้าเวลาหมดก็ต้องตายทันที แม้จะดูแฟนตาซีหลุดโลกไปบ้าง
แต่สิ่งหนึ่งที่สะท้อนจากความเป็นจริงคือ "เวลา" เป็นสิ่งที่มีค่า แม้ในโลกปัจจุบันคนจำนวนมากอาจจะยังไม่เห็นค่าของมัน แต่ถ้าพิจารณาให้ดีจะพบว่า คนที่ประสบความสำเร็จในโลกนี้มากมาย คือคนที่ใช้เวลาเป็น ใช้เวลาอย่างคุ้มค่ากับงานที่ตนเองทำ ไม่ปล่อยเวลาให้หมดไป ผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์
ดังนั้นถ้าอยากจะประสบความสำเร็จ หรืออยากจะมีชีวิตที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ การเรียนรู้หลักการบริหารเวลา และใช้เวลาที่มีอย่างเกิดประโยชน์สูงสุด ก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการไปสู้เป้าหมาย ผมมีแนวคิดง่ายๆมาแนะนำกัน
1. ตั้งเป้าหมาย
ตั้งเป้าหมายให้ชัด ให้เคลียร์ โดยเฉพาะที่เป็นเป้าหมายใหญ่ จากนั้นอาจจะทำการแบ่งเป็นเป้าหมายย่อย แต่ละขั้นตอนที่จะพาเราไปสู่ความสำเร็จ วางแผนสิ่งที่ต้องทำในเป้าหมายย่อยให้ชัดเจนและลงตัว เพื่อลดการซ้ำซ้อนของการทำงานในเป้าหมายนั้นๆ รวมทั้งกำหนดระยะเวลาของแต่ละเป้าหมาย(ระยะสั้น กลาง ยาว) แต่ละรายการให้แน่นอน สุดท้ายสร้างเป็นรายการ "To Do List" ไว้เพื่อคอยเตือนตัวเอง
2. จัดลำดับความสำคัญ
กรณีที่เวลามีจำกัด บางครั้งเราอาจจะมีกิจกรรม ภาระหน้าที่หรืองานอื่นๆ เข้ามาแทรกแซงแผนทีเราวางไว้ ดังนั้นเพื่อเกิดการใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพ เราควรจัดลำดับความสำคัญของงาน และความเร่งด่วนเอาไว้ เพื่อที่จะได้วางแผนดำเนินงานให้เสร็จตามลำดับ การทำวิธีนี้ยังช่วยให้เราได้วิเคราะห์สิ่งที่เราต้องทำ กิจกรรมหรืองานใด ที่ไม่มีความสำคัญมากเราอาจจะชะลอไว้ก่อน หรือใช้เวลายามว่างค่อยมาจัดการ หรือยิ่งถ้ากิจกรรมใด ไม่เกิดประโยชน์เป็นการใช้เวลาเสียเปล่าเราก็จะได้สามารถตัดออก
การจัดลำดับความสำคัญของเวลา สามารถใช้ตารางเบื้องต้นข้างล่าง ช่วยในการวางแผนได้ โดยทำการจัดกลุ่มงานและกิจกรรมที่ต้องทำลงไป เรียงลำดับและสร้างเป็นรายการที่ต้องทำ
3. ลงมือทำให้สำเร็จ
การลงมือทำให้สำเร็จ ตามแผน ตามช่วงเวลาที่เราวางแผนไว้เป็นสิ่งสำคัญ ถ้าต้องการประสบความสำเร็จ จิตใจต้องมุ่งมั่นและมีความพยายาม อย่าพลัดวันประกันพรุ่ง หรือใช้ชีวิตแบบเรื่อยๆปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไปในแต่ละวัน
4. หมั่นติดตามผล
ควรหมัื่นติดตามผลการใช้เวลาในแต่ละงานหรือกิจกรรมที่ทำ ควรประเมินผลการใช้เวลาในแต่ละเป้าหมายย่อย ว่าสามารถทำได้ตามแผนหรือไม่ มองหางานหรือกิจกรรมใด ที่ทำให้เวลาสูญเปล่า แล้วควรลด ละ เลิก ในสิ่งนั้น
หัวใจของการบริหารจัดการเวลา คือการใช้เวลาที่มีจำกัดให้เกิดประสิทธิภาพ แน่นอนว่าไม่ใช่ ใช้เวลาเพื่อการทำงาน เพื่อความก้าวหน้า หรือหาเงินเพียงอย่างเดียว แต่หมายรวมถึงการใช้เวลาอย่าง สมดุล ทั้งด้านการทำงาน การดูแลคนรอบข้าง และการดูแลตนเอง ทำให้เกิดความสมดุลทั้งกายและจิตใจ
การทำงานหนักมากเกินไปไม่ถือว่า บริหารจัดการเวลาเป็น คนจำนวนมากทำงานหนัก กลับดึก หอบงานไปทำที่บ้าน บางครั้งเกิดจากการลำดับความสำคัญของงานไม่เป็น ใช้เวลามากกับงานที่ไม่สำคัญ หรือไม่รู้จักปฏิเสธหรือตัดงานที่ไม่สำคัญออกไป สุดท้ายก็จะเหนื่อยล้า อ่อนแรงและหมดไฟในการทำงาน คนบริหารเวลาเป็นจะทำให้เป็นคือคนทำงานฉลาด ทำงานอย่างดี และมีประสิทธิภาพ(ไม่ใช่พวกเกี่ยงงาน โยนงานเอาเปรียบเพื่อนร่วมงานนะครับ) ตามเวลาที่กำหนด
เมื่อเราบริหารเวลาเป็น ทำให้มีเวลาทำงานได้อย่างเต็มที่เต็มประสิทธิภาพ โอกาสประสบความสำเร็จในเป้าหมายก็มีมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายใดในชีวิต หรือแม้กระทั้ง "อิสระภาพทางการเงิน" เป้าหมายสูงสุดของลงนักทุนก็เป็นจริงได้ ถ้าเราใช้บริหารเวลาเป็น ทำให้มีเวลาที่จะศึกษาเรียนรู้อย่างเต็มที่ เพื่อพยายามทำอย่างเพียงพอ
สุดท้ายแล้วถ้าเราบริหารเวลาเป็นคำพูดที่ว่า "ไม่มีเวลา" ที่ชอบพูดจนชินติดปากก็จะหมดไป สัจธรรมของมนุษย์ข้อหนึ่งคือจะเห็นค่าทุกสิ่งเมื่อมันหมดไปแล้ว อย่าปล่อยให้เวลาของชีวิตเราหมดไป แล้วมานั่งเสียดาย รู้ตัวเมื่อตอนสายนะครับ
ประเด็นเรื่องของเวลา เคยถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นหลักในภาพยนต์เรื่อง "in time" โดยเฉพาะการวางโครงเรื่องวิธีคิดที่แตกต่างไปจากโลกปัจจุบัน คือให้เวลาเป็นสิ่งมีค่าสูงสุดของทุกคน มีเงินมากก็ซื้อเวลาได้มาก สามารถยืดเวลาตายได้ไปอีก หรือใช้เวลาในการซื้อหาสิ่งของ ใช้จับจ่ายแทนเงิน ทำงานแลกเวลา แน่นอนว่าถ้าเวลาหมดก็ต้องตายทันที แม้จะดูแฟนตาซีหลุดโลกไปบ้าง
แต่สิ่งหนึ่งที่สะท้อนจากความเป็นจริงคือ "เวลา" เป็นสิ่งที่มีค่า แม้ในโลกปัจจุบันคนจำนวนมากอาจจะยังไม่เห็นค่าของมัน แต่ถ้าพิจารณาให้ดีจะพบว่า คนที่ประสบความสำเร็จในโลกนี้มากมาย คือคนที่ใช้เวลาเป็น ใช้เวลาอย่างคุ้มค่ากับงานที่ตนเองทำ ไม่ปล่อยเวลาให้หมดไป ผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์
1. ตั้งเป้าหมาย
ตั้งเป้าหมายให้ชัด ให้เคลียร์ โดยเฉพาะที่เป็นเป้าหมายใหญ่ จากนั้นอาจจะทำการแบ่งเป็นเป้าหมายย่อย แต่ละขั้นตอนที่จะพาเราไปสู่ความสำเร็จ วางแผนสิ่งที่ต้องทำในเป้าหมายย่อยให้ชัดเจนและลงตัว เพื่อลดการซ้ำซ้อนของการทำงานในเป้าหมายนั้นๆ รวมทั้งกำหนดระยะเวลาของแต่ละเป้าหมาย(ระยะสั้น กลาง ยาว) แต่ละรายการให้แน่นอน สุดท้ายสร้างเป็นรายการ "To Do List" ไว้เพื่อคอยเตือนตัวเอง
2. จัดลำดับความสำคัญ
กรณีที่เวลามีจำกัด บางครั้งเราอาจจะมีกิจกรรม ภาระหน้าที่หรืองานอื่นๆ เข้ามาแทรกแซงแผนทีเราวางไว้ ดังนั้นเพื่อเกิดการใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพ เราควรจัดลำดับความสำคัญของงาน และความเร่งด่วนเอาไว้ เพื่อที่จะได้วางแผนดำเนินงานให้เสร็จตามลำดับ การทำวิธีนี้ยังช่วยให้เราได้วิเคราะห์สิ่งที่เราต้องทำ กิจกรรมหรืองานใด ที่ไม่มีความสำคัญมากเราอาจจะชะลอไว้ก่อน หรือใช้เวลายามว่างค่อยมาจัดการ หรือยิ่งถ้ากิจกรรมใด ไม่เกิดประโยชน์เป็นการใช้เวลาเสียเปล่าเราก็จะได้สามารถตัดออก
การจัดลำดับความสำคัญของเวลา สามารถใช้ตารางเบื้องต้นข้างล่าง ช่วยในการวางแผนได้ โดยทำการจัดกลุ่มงานและกิจกรรมที่ต้องทำลงไป เรียงลำดับและสร้างเป็นรายการที่ต้องทำ
การลงมือทำให้สำเร็จ ตามแผน ตามช่วงเวลาที่เราวางแผนไว้เป็นสิ่งสำคัญ ถ้าต้องการประสบความสำเร็จ จิตใจต้องมุ่งมั่นและมีความพยายาม อย่าพลัดวันประกันพรุ่ง หรือใช้ชีวิตแบบเรื่อยๆปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไปในแต่ละวัน
4. หมั่นติดตามผล
ควรหมัื่นติดตามผลการใช้เวลาในแต่ละงานหรือกิจกรรมที่ทำ ควรประเมินผลการใช้เวลาในแต่ละเป้าหมายย่อย ว่าสามารถทำได้ตามแผนหรือไม่ มองหางานหรือกิจกรรมใด ที่ทำให้เวลาสูญเปล่า แล้วควรลด ละ เลิก ในสิ่งนั้น
หัวใจของการบริหารจัดการเวลา คือการใช้เวลาที่มีจำกัดให้เกิดประสิทธิภาพ แน่นอนว่าไม่ใช่ ใช้เวลาเพื่อการทำงาน เพื่อความก้าวหน้า หรือหาเงินเพียงอย่างเดียว แต่หมายรวมถึงการใช้เวลาอย่าง สมดุล ทั้งด้านการทำงาน การดูแลคนรอบข้าง และการดูแลตนเอง ทำให้เกิดความสมดุลทั้งกายและจิตใจ
การทำงานหนักมากเกินไปไม่ถือว่า บริหารจัดการเวลาเป็น คนจำนวนมากทำงานหนัก กลับดึก หอบงานไปทำที่บ้าน บางครั้งเกิดจากการลำดับความสำคัญของงานไม่เป็น ใช้เวลามากกับงานที่ไม่สำคัญ หรือไม่รู้จักปฏิเสธหรือตัดงานที่ไม่สำคัญออกไป สุดท้ายก็จะเหนื่อยล้า อ่อนแรงและหมดไฟในการทำงาน คนบริหารเวลาเป็นจะทำให้เป็นคือคนทำงานฉลาด ทำงานอย่างดี และมีประสิทธิภาพ(ไม่ใช่พวกเกี่ยงงาน โยนงานเอาเปรียบเพื่อนร่วมงานนะครับ) ตามเวลาที่กำหนด
เมื่อเราบริหารเวลาเป็น ทำให้มีเวลาทำงานได้อย่างเต็มที่เต็มประสิทธิภาพ โอกาสประสบความสำเร็จในเป้าหมายก็มีมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายใดในชีวิต หรือแม้กระทั้ง "อิสระภาพทางการเงิน" เป้าหมายสูงสุดของลงนักทุนก็เป็นจริงได้ ถ้าเราใช้บริหารเวลาเป็น ทำให้มีเวลาที่จะศึกษาเรียนรู้อย่างเต็มที่ เพื่อพยายามทำอย่างเพียงพอ
สุดท้ายแล้วถ้าเราบริหารเวลาเป็นคำพูดที่ว่า "ไม่มีเวลา" ที่ชอบพูดจนชินติดปากก็จะหมดไป สัจธรรมของมนุษย์ข้อหนึ่งคือจะเห็นค่าทุกสิ่งเมื่อมันหมดไปแล้ว อย่าปล่อยให้เวลาของชีวิตเราหมดไป แล้วมานั่งเสียดาย รู้ตัวเมื่อตอนสายนะครับ