ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

อย่าซื้อหุ้นตามแฟชั่น

วันนี้ผมเพิ่งจะมีโอกาสได้ลองกินไอติมแท่งจากร้านสะดวกซื้อที่แพงที่สุด ในชีวิต ไม่ได้ตั้งใจจะกินแต่ด้วยความที่สมัครพรรคพวกที่ไปกินอาหารกลางวันด้วยต่างเชียร์ให้ลอง ไอติมแท่งละ 40 บาท ยอมรับว่าปล่อยใจไปตามกระแสนิดนึง ลองดูว่ามันจะสมราคาคุยหรือเปล่า หลังจากกินหมดแท่งพบว่า ด้วยความที่ไม่หล่อ ไม่คูลแบบดารา ไอติมแท่งนี้จึงไม่ค่อยเหมาะกับผม กลับไปกินไอติมเผือกกระทิแบบเดิมจะดีกว่า






แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับเลยว่าการที่ไอติมแท่งยี่ห้อนี้จึงประสบความเร็จนั้นมาจาก การตลาดล้วนๆ แน่นอนว่า การใช้สื่อใช้ พรีเซ็นเตอร์ ก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการกระตุ้นยอดขาย การสร้างความอยากรู้อยากลอง ให้กับสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโซเซียลเน็ตเวิร์ค เมื่อเป็นที่สนใจ เป็นประเด็นที่มีการพูดถึง เลยทำให้คนอยากลอง แม้ว่าราคาจะจัดว่าสูง 


การตลาดแบบนี้ เป็นเรื่องปกติ และถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการบรรลุวัตถุประสงค์ อยู่เป็นประจำ ท้งในด้านการขายสินค้า และไม่เว้นแม้แต่โลกการลงทุน หุ้นหลายตัว ก็ถูกสร้างจังหวะ และมีการใช้เทคนิคการตลาด ทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อให้เป็นที่สนใจของนักลงทุน


ทั้งในรูปแบบการพูดถึง โดยตรงและแบบทางอ้อม การนำเสนอภาพที่ดูดี ดูเด่น หรือแม้แต่การอัดฉีดความหวัง ราคาเป้าหมายในอนาคต ที่ยังมาไม่ถึง มีเซียน มีคนดังเข้ามาถือหุ้น ทุกอย่างล้วนถูกจัดทำอย่างเป็นระบบ และทำให้นักลงทุนรายย่อย หรือแมงเม่าเกิดความสนใจ เกิดความเชื่อที่ว่าหุ้นตัวนี้ดี ราคากำลังจะมา ที่สำคัญยังมีอุปทานหมู่ หรือการแห่ซื้อ แห่ไล่ราคา ตามกันแบบเป็นหมู่คณะ ทำให้หุ้นตัวนั้นกลายเป็นหุ้นแฟชั่นกลายเป็นหุ้นที่นิยม 


เมื่อคนส่วนใหญ่เชื่อตามกัน คิดเหมือนกันว่าราคามันจะขึ้น อนาคตมันจะดี ก็เกิด volume บวกกับมีการกระตุ้นจังหวะจากคนดูแลราคา ทำให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้นไป เมื่อคนบางกลุ่มมีกำไร ก็จะเกิดการบอกต่อแบบปากต่อปาก มีการแนะนำ มีการอ้างถึงเซียนหรือเซเล็ป ที่ถือหุ้นหรือเชียร์หุ้นตัวนั้นๆ ยิ่งส่งผลให้แมงเม่าจำนวนมากเข้ามาซื้อหุ้น แม้ราคาจะวิ่งพุ่งสูงขึ้นจากจุดปล่อยตัว หลายสิบเปอร์เซ็นต์ในเวลาอันสั้น แต่ด้วยความหวังที่ทุกคนคิดเหมือนกัน บวกแรงความโลภทำให้ต่างเข้าแย่งชิงซื้อหุ้น โดยปราศจากการคิด เพียงเพราะเชื่อในหุ้นว่าอนาคตจะดี บวกกับไม่ต้องการตกรถ ตกขบวนรวยให้เสียหน้า


การที่เราเห็นว่าเซียนหรือเซเล๊ปคนดัง ซื้อหุ้นตั้วนั้น หุ้นตัวนี้ ไม่ใช่แปลว่าเราจะโดดเข้าซื้อตามเขาได้ทันที เพราะคนเหล่านั้นอาจจะซื้อหุ้นในจังหวะที่ดี ในช่วงที่ราคาต่ำ หรือช่วงต้นขบวน ทำให้ความเสี่ยงในด้านราคา ต่ำกว่า การเข้าซื้อหุ้นในปัจจุบันเมื่อราคาเพิ่มขึ้นสูงมาแล้วมาก เมื่อเราเข้าหุ้นดีแต่ในช่วงที่ราคาสูง โอกาสที่เราจะเผชิญกับความเสี่ยงในการขาดทุนก็มีมาก ยิ่งถ้าเน้นเก็งกำไรระยะสั้น ยิ่งทำให้โอกาสขาดทุนจะมีสูง แต่ถ้าจะถือยาวเราต้องหัดคำนวณ MOS ของตัวเองให้ได้ว่ารับไหวที่จุดไหน พิจารณาด้วยสติก่อนรีบซื้อ


การซื้อหุ้นที่ดี เราควรพิจาณาหาจังหวะซื้อขายให้ดีในช่วงต้นแนวโน้ม ใช้หลัก "น้ำขึ้นให้รีบตัก" เล่นไปตามแนวโน้ม เทรดไปตามระบบ ส่วนถ้าเราพบหุ้นเมื่อราคาวิ่งไปเยอะแล้ว แนวโน้มเริ่มอ่อนตัวแล้ว ควรใช้หลัก "ช้าๆได้พร้า เล่มงาม" พิจารณาถึงความเสี่ยงและโอกาสจะเกิดกำไรให้อย่างรอบคอบ แล้วค่อยเข้าลงทุน อย่าไปหลงภาพลักษณ์ ไปลงทุนในหุ้นแฟชั่น ตามกระแส เพราะโอกาสเสียจะมีมากกว่าได้ครับ