นั่งกินกาแฟอยู่ที่ร้านกาแฟเจ้าประจำ ผมชอบนั่งโต๊ะติดกับกระจกหน้าร้าน ที่สามารถมองวิวจากภายนอก และมองเห็นคนใช้ชีวิตประจำวันบนถนน บางคนเดิน บางคนวิ่ง บางคนคุย บางคนทะเลาะ บางคนเดินไปโทรศัพท์ไป ดูแล้วก็เพลินไปอีกแบบ มันเหมือนกับการได้หยุดนิ่ง หยุดดูคนรอบๆตัวเราเคลื่อนไหว ในจังหวะชีวิตแบบคนเมือง จังหวะชีวิตที่เร่งรีบ เหมือนกับเราก่อนหน้าที่จะเข้ามานั่งกินกาแฟในร้าน
เคยถามตัวเองเหมือนกันว่าทำไมคนเราต้องรีบ?? ทำไมคนถึงต้องรีบกิน รีบเดิน รีบไปทำงาน รีบไปหมด ถ้ามองให้ลึกถึงภาพใหญ่ ผมว่าหลายคนรีบแม้กระทั่งการใช้ชีวิต รีบเรียนจบ รีบหางานทำ รีบให้ได้เลื่อนตำแหน่ง รีบแต่งงาน รีบมีลูก รีบซื้อบ้าน รีบซื้อรถ ทุกอย่างเรารีบไปหมด ราวกับว่าเวลา 24 ชั่วโมงมีไม่เคยพอ แต่ทุกวันนี้ พออายุมากขึ้น มันก็ทำให้ผมเริ่มมีคำตอบที่ชัดเจนว่า การเร่งรีบในการใช้ชีวิตนั้น เกิดจากความกลัว ความรู้สึกไม่มั่นคงในชีวิต อยากได้ อยากมี ในทุกสิ่งที่มาเติมเต็มช่องว่างทางอารมณ์ของจิตใจ เช่น อยากเลื่อนขั้นเพราะต้องการเงินเดือนเพิ่ม อยากได้เงินเดือนเพิ่มเพราะอยากมีคอนโด, อยากแต่งงานเพราะต้องการคนมาอยู่ด้วย, อยากมีรถเพราะจำเป็นต้องใช้ อยากมีรถคันใหม่เพราะเห็นคนอื่นๆมี เป็นต้น ทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกับจิตใจ และเงินทองแถบทั้งสิ้น เพราะเงินสามารถบันดาลให้ได้ทุกสิ่ง สร้างการยอมรับ สร้างความสุข สร้างความปลอดภัย จึงทำให้เราต้องรีบออกไปแสวงหาเงินมาครอบครอง เพื่อสร้างฐานะ สร้างความร่ำรวย
จึงเกิดคำถามที่ตามมาว่า "มีเงินเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่ารวย" ประเด็นนี้เคยนั่งคุยกับเพื่อนเล่นๆว่า มีเงินเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่ารวย บางคนว่า 5 ล้าน 10 ล้าน บางคนว่า 100 ล้าน 1000 ล้าน ก็ต่างมีเหตุผลกันไป แต่สุดท้ายแล้วตัวเลขนั้นก็ไม่มีที่สิ้นสุด เพราะเมื่อเรามีเงินถึงที่ฝัน มันก็ย่อมมีคนที่มีมากกว่า ทำให้เรารู้สึกว่า ไอ้ที่เรามีนั้นมันน้อยเกินไป มีแล้วยังไม่พอ
เคยถามตัวเองเหมือนกันว่าทำไมคนเราต้องรีบ?? ทำไมคนถึงต้องรีบกิน รีบเดิน รีบไปทำงาน รีบไปหมด ถ้ามองให้ลึกถึงภาพใหญ่ ผมว่าหลายคนรีบแม้กระทั่งการใช้ชีวิต รีบเรียนจบ รีบหางานทำ รีบให้ได้เลื่อนตำแหน่ง รีบแต่งงาน รีบมีลูก รีบซื้อบ้าน รีบซื้อรถ ทุกอย่างเรารีบไปหมด ราวกับว่าเวลา 24 ชั่วโมงมีไม่เคยพอ แต่ทุกวันนี้ พออายุมากขึ้น มันก็ทำให้ผมเริ่มมีคำตอบที่ชัดเจนว่า การเร่งรีบในการใช้ชีวิตนั้น เกิดจากความกลัว ความรู้สึกไม่มั่นคงในชีวิต อยากได้ อยากมี ในทุกสิ่งที่มาเติมเต็มช่องว่างทางอารมณ์ของจิตใจ เช่น อยากเลื่อนขั้นเพราะต้องการเงินเดือนเพิ่ม อยากได้เงินเดือนเพิ่มเพราะอยากมีคอนโด, อยากแต่งงานเพราะต้องการคนมาอยู่ด้วย, อยากมีรถเพราะจำเป็นต้องใช้ อยากมีรถคันใหม่เพราะเห็นคนอื่นๆมี เป็นต้น ทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกับจิตใจ และเงินทองแถบทั้งสิ้น เพราะเงินสามารถบันดาลให้ได้ทุกสิ่ง สร้างการยอมรับ สร้างความสุข สร้างความปลอดภัย จึงทำให้เราต้องรีบออกไปแสวงหาเงินมาครอบครอง เพื่อสร้างฐานะ สร้างความร่ำรวย
จึงเกิดคำถามที่ตามมาว่า "มีเงินเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่ารวย" ประเด็นนี้เคยนั่งคุยกับเพื่อนเล่นๆว่า มีเงินเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่ารวย บางคนว่า 5 ล้าน 10 ล้าน บางคนว่า 100 ล้าน 1000 ล้าน ก็ต่างมีเหตุผลกันไป แต่สุดท้ายแล้วตัวเลขนั้นก็ไม่มีที่สิ้นสุด เพราะเมื่อเรามีเงินถึงที่ฝัน มันก็ย่อมมีคนที่มีมากกว่า ทำให้เรารู้สึกว่า ไอ้ที่เรามีนั้นมันน้อยเกินไป มีแล้วยังไม่พอ
เคยทีรายการทีวีของฝรั่งรายการหนึ่งไปสัมภาสมหาเศรษฐีพันล้านชาวอเมริกันคนหนึ่งว่า มีเงินเยอะขนาดนั้นแล้วมีความสุขดีไหม มหาเศรษฐีคนนี้ตอบกลับมาว่า เขาไม่ได้รู้สึกว่าเลขศูนย์ที่เพิ่มขึ้นมาในบัญชีทรัพย์สินทุกๆปี มีความหมายอะไรตั้งแต่มันเริ่มมีมากจนเขาจำไม่ได้ เป็นการเลี่ยงประเด็นที่จะตอบคำถาม เพราะถ้ามองในหมวกของคนธรรมดาเศรษฐีคนนี้ก็ไม่น่าจะมีความสุขที่แท้จริงได้ เหมือนรอยยิ้มที่พยายามจะนำเสนอผ่านกล้องโทรทัศน์ เพราะทั้งลูกชาย ลูกสาวต่างเป็นเซเลปคนดังที่ ชอบปาร์ตี้และติดยา ภรรยาหลวงก็เป็นบ้าฆ่าตัวตาย ภรรยาใหม่ก็กำลังขอหย่า ตัวเขาเองถึงจะมีเงินมากแต่ก็มีคดีฟ้องร้อง เกี่ยวกับธุรกิจ มากมายในศาล
ดังนั้นบางทีเรา อาจจะต้องลองคิดทบทวนดูใหม่ ว่าจริงๆแล้วความสุขในชีวิตของตัวเราคืออะไร และสิ่งใดที่จะเป็นตัวสร้างความสุขให้กับชีวิตที่แท้จริง ที่ไม่ใช่ได้มาเพราะเงิน สิ่งหนึ่งที่ผมเรียนรู้ในชีวิต คือบางทีเราอาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องขวนขวายหาวิธีสร้างเงิน สร้างทรัพย์สินให้มากมาย เพื่อที่จะเป็นคนรวย สิ่งที่เราควรทำ น่าจะต้องเป็นการเปลี่ยนมุมมอง หาวิธีคิดที่จะแสวงหาความสุขง่ายๆ ความสุขที่แท้จริง ความสุขราคาถูกที่ไม่ต้องแลกมาด้วยเงินมากมาย อยู่อย่างพอเพียง พอดี น่าจะดีกว่า
ปิดท้ายก่อนจะออกจากร้าน เป็นภาพที่นิยามความสุข ในชีวิตจริงของคนเดินถนนธรรมดาได้เป็นอย่างดี สิ่งที่ผมเห็นคือ ภาพผู้ชายวัยกลางคน กำลังนั่งป้อนขนมลูกสาว อยู่ที่ป้ายรถเมล์ สังเกตจากรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะของพ่อลูกคู่นี้ ผมว่าช่วงเวลานั้น เงินทองมากมายก็ไม่อาจจะหาซื้อความสุขแบบนี้ได้ครับ
ปิดท้ายก่อนจะออกจากร้าน เป็นภาพที่นิยามความสุข ในชีวิตจริงของคนเดินถนนธรรมดาได้เป็นอย่างดี สิ่งที่ผมเห็นคือ ภาพผู้ชายวัยกลางคน กำลังนั่งป้อนขนมลูกสาว อยู่ที่ป้ายรถเมล์ สังเกตจากรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะของพ่อลูกคู่นี้ ผมว่าช่วงเวลานั้น เงินทองมากมายก็ไม่อาจจะหาซื้อความสุขแบบนี้ได้ครับ