ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เรื่องที่ต้องรู้ก่อนลาออกครั้งสุดท้าย

ทุกวันนี้การใช้ชีวิตของคนในกรุงเทพก็เริ่มยากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งปัญหาเรื่องสภาวะสิ่งแวดล้อม สภาพสังคม และเรื่องค่าครองชีพ แต่ด้วยค่านิยมของคนต่างจังหวัด ที่เรียนจบต้องมาหางานทำในกรุงเทพเพียงเพราะรายได้ดี มีตำแหน่งงานเยอะ จึงทำให้ต้องจำทนยอมรับสภาพชนชั้นกลางบนระบบสังคมแบบทุนนิยม ที่แน่นอนว่าความสุข อาจจะเป็นเรื่องที่หายาก พอๆกับการงมเข็มในมหาสมุทร

ผมเองก็เป็นคนต่างจังหวัด ตอนเด็กก็เกิดมาวิ่งเล่นตามท้องนา ตามร่องสวน เสาร์ อาทิตย์ก็ไปทำบุญที่วัด วิถีชีวิตก็เป็นแบบคนต่างจังหวัด สนุกสนานและพึ่งพากันในหมู่บ้าน แต่พอเริ่มเข้าสู่รั่วมหาวิทยาลัย ชีวิตก็เปลี่ยนเพราะต้องเข้ามาใช้ชีวิตแบบคนเมืองหลวง เรียนจบก็ทำงานในกรุงเทพ ชีวิตก็ไม่ต่างอะไรกับคนอื่นๆทั่วไป รีบตื่น รีบกิน รีบทำงาน รีบนอน ทำงานหนักเพื่อเงินดีๆ ต้องต่อสู้ดิ้นรนรับใช้เจ้านาย เพียงเพื่อหวังความก้าวหน้า หวังเงินเดือนตอบแทน ทุกวันพอกลับบ้านหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตาย 

กลางดึกคืนหนึ่งที่ผมกลับจากงานศพรุ่นพี่ซึ่่งตายเพราะโรคมะเร็งทั้งที่อายุมากกว่าผมแค่ 9 ปี พี่คนนี้เป็นคนทำงานเก่งมีบ้านหลังใหญ่ มีรถ มีครอบครัว แต่ความไม่แน่นอนก็พรากทุกอย่างไปแบบไม่ให้ตั้งตัว ระหว่างที่นอนมองเพดานห้อง  ผมลองนึกย้อนกลับไปเพื่อทบทวนช่วงเวลาแห่งความสุขในแต่ละวันพบว่ามันน้อยมาก ส่วนมากความสุข(ที่ผมคิดว่าเป็น) ล้วนไปผูกติดกับเงินทองและวัตถุ ส่วนมากจะมีความสุขเวลาที่ได้รับเช็ค ได้รับเงินค่าตอบแทนจากการทำงาน หรือไม่ก็มีความสุขเวลาที่ได้ซื้อของที่อยากได้ชิ้นใหม่ แต่ความสุขเหล่านั้นมันไม่ยั่งยืน เปรียบเสมือนพลุดอกไม้ไฟที่ยิงขึ้นฟ้า สวยได้ไม่นานก็จางหายไป ทำให้ผมตั้งคำถามกับตัวเองว่า "อะไรคือความสุขที่แท้จริงในชีวิต???"

วันรุ่งขึ้นผมลาหยุดงาน 1 วันเพื่อลองหยุดนิ่งอยู่กับที่ ตื่นเช้าดูกินกาแฟ ดูพระอาทิตย์ขึ้น ปิดโทรศัพท์ไม่สนใจปัญหาใดๆจากที่ทำงาน ใช้เวลาอาบน้ำตอนเช้าแบบช้าๆ เดินออกกำลังกาย และแวะไปกินโจ๊กร้านโปรด ต่อด้วยการนั่งดู อาแปะ อากง คุยกันที่สภากาแฟ 


จากนั้นกลับมาที่ห้องเพื่อคิดทบทวนอะไรหลายอย่าง ทำให้พบว่า บางทีตัวผมอาจจะเลือกใช้ชีวิตเพื่อคนอื่นมากกว่าเลือกใช้ชีวิตเพื่อตัวเอง อยากก้าวหน้า อยากมีเงิน เพียงเพราะจะได้ชนะคนอื่น ดีเด่นกว่าคนอื่นๆ ได้เป็นที่ภูมิใจของครอบครัว โดยลืม และทิ้งความฝันและสิ่งที่อยากทำที่อยู่ในใจ ผมใช้เวลาเย็นวันนั้นทั้งวัน เขียนแผนฏิบัติการณ์ ปฏิวัติชีวิตตัวเอง เพื่อจะออกจากกรอบเดิมที่ยึดติดอยู่หลายปี 


เอาเรื่องราวเมื่อ 7 ปีก่อนมาเล่าให้ฟังเพราะผมคิดว่า จริงๆแล้วชีวิตคนเราเกิดมามันสั่นนัก บางคนทำงานหนักจนลืมให้ความสุขกับชีวิต ลืมครอบครัว ลืมคนที่เรารัก เพียงเพราะอยากสร้างฐานะ สร้างเงินทอง แต่กลับทำให้ความสุขที่แท้จริงในชีวิตลดลง ก็ไม่ผิดถ้าเราจะเลือกทางเดินนั้น ยอมจำนนที่อยู่ตามครรลองของระบบทุนนิยม ยอมเป็นหมากขับเคลื่อนให้คนรวย เราก็ต้องต่อสู้ ยิ่งในยุคปัจจุบัน(ปี 2555) คนชั้นกลางกับยิ้มไม่ออกเพราะค่าครองชีพที่แพง เงินเดือนเท่าเดิมแต่ข้าวผัดหมูขึ้นเป็นจานละ 45 บาท เราก็ต้องทนทำแม้จะเหนื่อย จะเบื่อแค่ไหน เพื่อให้ได้เงินมาค้ำจุนครอบครัว มาค้ำจุนชีวิต แต่จะดีกว่าไหมถ้าเรามีเป้าหมาย มีการวางแผนเพื่อจะออกจากวงจรเดิมๆ ด้วยการเรียนรู้เรื่องการเงินการลงทุน เพื่อวันหนึ่งจะได้ทำงานรับใช้ความฝัน ตามหาความสุขที่แท้จริงในชีวิต


คนส่วนใหญ่ละเลยที่จะหาความรู้เรื่องการลงทุน ทำงานเก็บเงินฝากธนาคาร ทั้งที่ดอกเบี้ยเงินฝากประจำ อยู่ที่ประมาณ 3 % กว่าๆ ในขณะที่เงินเฟ้อ พุ่งสูงขึ้นเกือบ 3.5% แต่หลายคนอาจจะไม่รู้สึก ไม่ใช้เพราะมันไม่มีผลกระทบชีวิตเรา แต่เพราะคนทำงานส่วนใหญ่ไม่รู้จักเงินเฟ้อ(ลองถามเพื่อนที่ออฟิตดูได้เลยครับ เกินครึ่งไม่รู้จักหรอกครับ) แต่เราก็ต้องทนกับการขึ้นราคาค่าครองชีพที่สูง ค่าน้ำมันที่แพง และการขอขึ้นราคาสินค้าต่างๆเช่น น้ำมันเชื้อเพลิง,น้ำมันพืช,ไข่,น้ำตาล เป็นต้น ทั้งที่หลายบริษัทที่ผลิตและจำหน่ายสินค้าก็ยังมีกำไรสุทธิที่เพิ่มสูงขึ้นไม่ได้ลดลงตามต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น เพราะภาระเหล่านั้นถูกกระจายออกไปยังราคาสินค้า ที่ผู้บริโภคซึ่งเป็นมนุษย์เงินเดือนต้องรับกรรมไป เมื่อเงินไม่พอก็ต้องกู้ยืม ก็ต้องเป็นหนี้ทำให้สุดท้ายแล้ว ความมั่นคงจริงๆไม่มีทางเกิดขึ้นได้ในวิถีชีวิตเดิมๆ


ดังนั้นถ้ามีเวลา ลองหาความต้องการที่แท้จริงของชีวิตให้เจอ หาดินแดนที่เราคิดว่าจะมีความสุขที่ได้ไป แม้จะไม่ง่ายไม่สวยงามเหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบ จากนั้นตั้งเป้าหมาย วางแผนสะสมเงินออม เรียนรู้เรื่องการลงทุนในหุ้น เพื่อขยายเงินออม สร้างกำแพงเพิ่มความแข็งแรงทางการเงิน จากดอกผลของ เงินออม เปลี่ยนวิธีคิดและใช้ชีวิตให้พอเพียงตามกำลังเงินที่เรามีอยู่


เมื่อทุกอย่างพร้อมก็ออกจากกรอบ และเดินตามความฝัน อย่าประณีประนอมให้กับความกลัว เพียงเท่านี้เราก็จะพบกับชีวิตที่ดี ซึ่งรอเราอยู่ครับ