ตอนที่แล้ว เนื่องจากเขียนถึงเรื่องราวของวัยรุ่นที่อยากเอาดีบนถนนสายการลงทุน ผมมีอีกหนึ่งตัวอย่างที่น่าสนใจ ของเทรดเดอร์รุ่นใหม่ที่ใช้ความมุ่งมั่นในเล่นหุ้น เริ่มลงทุนตั้งแต่เรียนจบมหาวิทยาลัย เขาใช้เวลา 8 ปีสร้างตัวเองให้มีเงินระดับพันล้านบาทจากเงินออมเริ่มต้น ชายคนนี้คือ Kotegawa Takashi นักเก็งกำไรชาวญี่ปุ่น ลองอ่านเรื่องราวของเขาเพื่อว่าจะได้เป็นแรงบันดาลใจในการลงทุนต่อไปครับ
นักลงทุนรายย่อยคนนี้พึ่งจะอายุ 29 ปี แต่ทว่า พอร์ตของเขามีมูลค่าสูงถึง 19,000,000,000 เยน หรือประมาณ 5,700,000,000 บาท
หนุ่มคนนี้คือ Kotegawa Takashi
หนุ่มน้อยคนนี้มีชือเรียกอีก 2 ชื่อ คือ BNF และ J-com otoko (นายเจคอม)
BNF เป็นชื่อที่เขาใช้เรียกตัวเองเวลาเขียนตอบกระทู้ในเว็บไซด์ 2 channel (คล้ายกับ พันทิพย์ บ้านเรา)
ส่วน J-com otoko นั้นเป็นชื่อที่นักข่าวเรียกเขาจากการที่เขาสามารถทำกำไรจากการเทรดหุ้น j-com ประมาณ 600 ล้านบาทภายในเวลาสิบกว่านาทีและทำให้เขามีชื่อเสียงรู้จักไปทั่วเพียงข้ามคืน
ชื่อของBNF เป็นข่าวครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2005 เมื่อผู้รับชอบการซื้อขายหุ้นของ Mizuho Securities
ออกคำสั่งขายหุ้นของบริษัท เจ คอมผิดพลาด จาก 6แสน 1 หมื่น เยนต่อหุ้น เป็น 1 เยน ต่อ 6 แสน1หมื่นหุ้น
และเขาสามารถทำกำไรจากเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ทันทีกว่า 600 ล้านบาทภายในเวลา สิบกว่านาที
หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นหนุ่มน้อย BNF ปรากฏโฉมเป็นครั้งแรกในรายการทีวี 'The Dawn of Gaia' เมื่อวันที่ 28 กุมภา 2006
หนุ่มน้อยคนนี้เกิดเมื่อวันที่ 5 มีนา 1978 ที่จังหวัด ชิบะ เริ่มต้นเทรดจากการนำเงินที่สะสมได้จากการทำงานพิเศษเมื่อสมัยเรียนมหาวิทยาลัยปี 3 ประมาณ 1 ล้าน 6 แสนเยน หรือประมาณ 4 แสน 8 หมื่น บาทไปเริ่มซื้อขายหุ้นเมื่อปี 2000 และเมื่อถึงปี 2008 มูลค่าพอร์ตของเขา มีมูลค่าถึง 18 billion yen($153 million) หรือ ประมาณ 5 พัน 700 ล้านบาท
สไตล์การลงทุนของเขานั้นเขาใช้การเทรดแบบ สวิงเทรด โดยเขาจะไม่สนใจค่า pe ฯลฯ เลย
เกี่ยวกับสไตล์การเทรดของเขานั้นเขาคุยเล่าให้ฟังว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความเคยชินที่เกิดจากประสาทสัมผัส และการมองภาพรวมโดยทั่วไปให้ทะลุประโปร่ง
อย่างไรก็ดีถึงแม้ว่าสไตล์การลงทุนของเขาจะเป็นแบบเดย์เทรดซื้อขายระยะสั้น (เมื่อมีคนถามเขาว่าต่อไปแนวโน้มของหุ้นจะเป็นยังไรเขาตอบว่าไม่รู้เพราะว่าไม่เคยมองหุ้นในระยะยาวเลย) แต่ว่า เมื่อ พย.2007 เขาเล่าให้ฟังว่า เขาเริ่มรู้สึกถึงข้อจำกัดของการซื้อขายระยะสั้นและมีแผนการที่จะใช้เงินประมาณ 8 พันล้านเยน หรือ ประมาณ 2400 ล้านบาทไปลงทุนระยะยาวในหุ้นต่างประเทศ
สำหรับไลฟ์สไตล์ของนาย BNF นั้นนอกเหนือจากการซื้อบ้านหรูรถหรูให้กับพ่อแม่เขา และ ซื้อคอนโดหรูกลางกรุงโตเกียวเพื่อสำหรับเทรดหุ้นให้ตนเองแล้วเขาไม่ได้ใช้จ่ายหรูหราอะไรเลย และมักจะเก็บตัวอยู่ในห้องคนเดียว อ่านการ์ตูนเล่นเนต โดยไม่สุงสิงกับใคร
เขาเล่าให้ฟังว่าเพื่อที่จะสามารถรวบรวมสมาธิในการเทรดหุ้นได้เต็มที่ดังนั้นมื้อกลางวันของเขาจะกินเพียงแต่มาม่าเท่านั้นเพราะว่าจะไม่อิ่มเกินไป
หลายคนเรียกเขาว่าเป็น โอตะกุ แต่สำหรับนายBNF แล้วไม่ว่าจะเป็นคำปรามาสใดๆก็ตามเขาไม่เคยแสดงอาการโกรธออกมาเพียงแต่แค่พูดสั้นๆว่า อีกแล้วเหรอ เท่านั้น (โอตะกุเป็นมนุษย์พันธ์ใหม่ของญี่ปุ่น เป็นคนที่บ้าอะไรสักอย่างมากๆ เช่น บ้าเกมส์ บ้าการ์ตูน บ้าเนต โอตะกุจะมีลักษณะที่สังเกตได้ง่ายคือว่าพวกเขาจะไม่สนใจแฟชั่นจะแต่งตัวง่าย ใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ พูดคุยกับคนปกติไม่รู้เรื่อง แต่ในกลุ่มโอตะกุด้วยกันแล้วสามารถคุยในเรื่องราวที่พวกเขาสนใจได้อย่างออกรสชาติ เงินที่ได้มาส่วนใหญ่จะหมดไปกับสิ่งที่พวกเขาสนใจ และส่วนใหญ่มักไม่สนใจเพศตรงทำข้ามทำให้ไม่มีแฟน)
ทรัพย์สินของเขาเติบโตดังนี้
ปี 2000 1 ล้าน 6 แสน 4 หมื่นเยน
สิ้นปี 2000 2 ล้าน 8 แสนเยน
สิ้นปี 2001 61 ล้านเยน
สิ้นปี 2002 96 ล้านเยน
สินปี 2003 270 ล้านเยน
สิ้นปี 2004 1150 ล้านเยน
สิ้นปี 2005 8000 ล้านเยน
สิ้นปี 2006 15700 ล้านเยน
สิ้นปี 2007 18500 ล้านเยน
มกรา 2008 19000 ล้านเยน
ช่วงที่เกิดวิกฤตปี2008เขาซื้อหุ้นของลีแมนบาร์เธอร์ไปประมาณ 700 ล้านเยนแล้วสองวันต่อมาลีแมนบาร์เธอร์ก็ล้มละลายแน่นอนเขาเสียเงินประมาณ 700 ล้านเยนทั้งหมดนั้นไปกับลีแมนบาร์เธอร์
จากคลิปเขาบอกอีกว่าเขาได้แบ่งเงินไปซื้อตึกหน้าสถานีรถไฟ akihabara ราคาประมาณ 9000 ล้านเยน(ตึกที่ทำการสัมภาษณ์คือตึกที่เขาซื้อ) ส่วนเหตุผลที่ซื้อเพราะว่าพอร์ตของเขาใหญ่เกินไปเวลาซื้อขายจะทำได้ช้าจึงต้องลดพอร์ตลง
เขาได้แสดงพอร์ตลงทุนให้ดูเป็นหุ้น 12800 ล้านเยน+ตึก9000ล้านเยน รวมเป็น 21800 ล้านเยน
ท่ามกลางวิกฤต หลายๆคนสูญเงินแต่สำหรับเขาแล้วนอกจากจะไร้รอยขีดข่วนแล้วยังสามารถทำเงินได้เรื่อย(เขาบอกว่าช่วงที่ราคามันแกว่งตัวมากๆ ถึงแม้จะเป็นวิกฤษ แต่ก็ยังเป็ฯโอกาสด้วย)
อย่างไรก็ดีไลฟ์สไตล์ส่วนตัวแล้วนอกจากซื้อตึกซื้อบ้านแล้วแทบจะไม่ได้ใช้เงินสิ้นเปลืองเลยเขาเลือกกินแต่อาหารง่ายๆเช่นอุด้งชามละไม่กี่บาท และอย่าว่าแต่การเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศเลย เที่ยวในประเทศญี่ปุ่นก็ไม่ได้ไป(เขาบอกว่าหากว่าคืนก่อนที่จะไปเที่ยวหากเทรดเสียเงินเป็นร้อยๆล้านวันรุ่งขึ้นคงจะไม่มีอารมณ์ไปเที่ยวแล้ว) วันๆเอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่สุงสิงกับใคร(ในประเทศญี่ปุ่นจะเรียกคนที่เก็บตัวอยู่แต่ในบ้านว่า Hikikomori เป็นปัญหาสังคมแบบหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น) หรือตอนที่คนมาสัมภาษณ์เขา เขาก็ไม่ทักทายอะไรมากแค่เปิดประตูให้แล้วรีบกลับไปเทรดหุ้นต่อ หลายๆอย่างเหล่านี้ทำให้เขาถูกพูดในทางที่ลบว่าถึงแม้เขาจะมีเงินมากแต่ก็ไม่มีความสุข
แต่สิ่งที่สุดยอดก็คือว่า ผู้สัมภาษณ์เล่าให้ฟังว่าในวันที่ไปสัมภาษณ์นั้นเป็นวันศุกร์ในวันนั้นเขาซื้อหุ้นกลุ่มบริษัท trading company ทั้งหลายเช่น Mitsubishi shoji หรือ Mitsui Butsan เป็นเงินกว่า 1000 ล้านเยนแล้วในวันจันทร์ บริษัททั้งหลายเหล่านั้นทำ new high ตั้งแต่เข้าตลาดมา แล้วผู้สัมภาษณ์ยังบอกอีกว่าเขาได้ขายหุ้นเหล่านั้นทิ้งไปในวันจันทร์นั้นเอง
นักลงทุนรายย่อยคนนี้พึ่งจะอายุ 29 ปี แต่ทว่า พอร์ตของเขามีมูลค่าสูงถึง 19,000,000,000 เยน หรือประมาณ 5,700,000,000 บาท
หนุ่มคนนี้คือ Kotegawa Takashi
หนุ่มน้อยคนนี้มีชือเรียกอีก 2 ชื่อ คือ BNF และ J-com otoko (นายเจคอม)
BNF เป็นชื่อที่เขาใช้เรียกตัวเองเวลาเขียนตอบกระทู้ในเว็บไซด์ 2 channel (คล้ายกับ พันทิพย์ บ้านเรา)
ส่วน J-com otoko นั้นเป็นชื่อที่นักข่าวเรียกเขาจากการที่เขาสามารถทำกำไรจากการเทรดหุ้น j-com ประมาณ 600 ล้านบาทภายในเวลาสิบกว่านาทีและทำให้เขามีชื่อเสียงรู้จักไปทั่วเพียงข้ามคืน
ชื่อของBNF เป็นข่าวครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2005 เมื่อผู้รับชอบการซื้อขายหุ้นของ Mizuho Securities
ออกคำสั่งขายหุ้นของบริษัท เจ คอมผิดพลาด จาก 6แสน 1 หมื่น เยนต่อหุ้น เป็น 1 เยน ต่อ 6 แสน1หมื่นหุ้น
และเขาสามารถทำกำไรจากเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ทันทีกว่า 600 ล้านบาทภายในเวลา สิบกว่านาที
หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นหนุ่มน้อย BNF ปรากฏโฉมเป็นครั้งแรกในรายการทีวี 'The Dawn of Gaia' เมื่อวันที่ 28 กุมภา 2006
หนุ่มน้อยคนนี้เกิดเมื่อวันที่ 5 มีนา 1978 ที่จังหวัด ชิบะ เริ่มต้นเทรดจากการนำเงินที่สะสมได้จากการทำงานพิเศษเมื่อสมัยเรียนมหาวิทยาลัยปี 3 ประมาณ 1 ล้าน 6 แสนเยน หรือประมาณ 4 แสน 8 หมื่น บาทไปเริ่มซื้อขายหุ้นเมื่อปี 2000 และเมื่อถึงปี 2008 มูลค่าพอร์ตของเขา มีมูลค่าถึง 18 billion yen($153 million) หรือ ประมาณ 5 พัน 700 ล้านบาท
สไตล์การลงทุนของเขานั้นเขาใช้การเทรดแบบ สวิงเทรด โดยเขาจะไม่สนใจค่า pe ฯลฯ เลย
เกี่ยวกับสไตล์การเทรดของเขานั้นเขาคุยเล่าให้ฟังว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความเคยชินที่เกิดจากประสาทสัมผัส และการมองภาพรวมโดยทั่วไปให้ทะลุประโปร่ง
อย่างไรก็ดีถึงแม้ว่าสไตล์การลงทุนของเขาจะเป็นแบบเดย์เทรดซื้อขายระยะสั้น (เมื่อมีคนถามเขาว่าต่อไปแนวโน้มของหุ้นจะเป็นยังไรเขาตอบว่าไม่รู้เพราะว่าไม่เคยมองหุ้นในระยะยาวเลย) แต่ว่า เมื่อ พย.2007 เขาเล่าให้ฟังว่า เขาเริ่มรู้สึกถึงข้อจำกัดของการซื้อขายระยะสั้นและมีแผนการที่จะใช้เงินประมาณ 8 พันล้านเยน หรือ ประมาณ 2400 ล้านบาทไปลงทุนระยะยาวในหุ้นต่างประเทศ
สำหรับไลฟ์สไตล์ของนาย BNF นั้นนอกเหนือจากการซื้อบ้านหรูรถหรูให้กับพ่อแม่เขา และ ซื้อคอนโดหรูกลางกรุงโตเกียวเพื่อสำหรับเทรดหุ้นให้ตนเองแล้วเขาไม่ได้ใช้จ่ายหรูหราอะไรเลย และมักจะเก็บตัวอยู่ในห้องคนเดียว อ่านการ์ตูนเล่นเนต โดยไม่สุงสิงกับใคร
เขาเล่าให้ฟังว่าเพื่อที่จะสามารถรวบรวมสมาธิในการเทรดหุ้นได้เต็มที่ดังนั้นมื้อกลางวันของเขาจะกินเพียงแต่มาม่าเท่านั้นเพราะว่าจะไม่อิ่มเกินไป
หลายคนเรียกเขาว่าเป็น โอตะกุ แต่สำหรับนายBNF แล้วไม่ว่าจะเป็นคำปรามาสใดๆก็ตามเขาไม่เคยแสดงอาการโกรธออกมาเพียงแต่แค่พูดสั้นๆว่า อีกแล้วเหรอ เท่านั้น (โอตะกุเป็นมนุษย์พันธ์ใหม่ของญี่ปุ่น เป็นคนที่บ้าอะไรสักอย่างมากๆ เช่น บ้าเกมส์ บ้าการ์ตูน บ้าเนต โอตะกุจะมีลักษณะที่สังเกตได้ง่ายคือว่าพวกเขาจะไม่สนใจแฟชั่นจะแต่งตัวง่าย ใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ พูดคุยกับคนปกติไม่รู้เรื่อง แต่ในกลุ่มโอตะกุด้วยกันแล้วสามารถคุยในเรื่องราวที่พวกเขาสนใจได้อย่างออกรสชาติ เงินที่ได้มาส่วนใหญ่จะหมดไปกับสิ่งที่พวกเขาสนใจ และส่วนใหญ่มักไม่สนใจเพศตรงทำข้ามทำให้ไม่มีแฟน)
ทรัพย์สินของเขาเติบโตดังนี้
ปี 2000 1 ล้าน 6 แสน 4 หมื่นเยน
สิ้นปี 2000 2 ล้าน 8 แสนเยน
สิ้นปี 2001 61 ล้านเยน
สิ้นปี 2002 96 ล้านเยน
สินปี 2003 270 ล้านเยน
สิ้นปี 2004 1150 ล้านเยน
สิ้นปี 2005 8000 ล้านเยน
สิ้นปี 2006 15700 ล้านเยน
สิ้นปี 2007 18500 ล้านเยน
มกรา 2008 19000 ล้านเยน
จากคลิปเขาบอกอีกว่าเขาได้แบ่งเงินไปซื้อตึกหน้าสถานีรถไฟ akihabara ราคาประมาณ 9000 ล้านเยน(ตึกที่ทำการสัมภาษณ์คือตึกที่เขาซื้อ) ส่วนเหตุผลที่ซื้อเพราะว่าพอร์ตของเขาใหญ่เกินไปเวลาซื้อขายจะทำได้ช้าจึงต้องลดพอร์ตลง
เขาได้แสดงพอร์ตลงทุนให้ดูเป็นหุ้น 12800 ล้านเยน+ตึก9000ล้านเยน รวมเป็น 21800 ล้านเยน
ท่ามกลางวิกฤต หลายๆคนสูญเงินแต่สำหรับเขาแล้วนอกจากจะไร้รอยขีดข่วนแล้วยังสามารถทำเงินได้เรื่อย(เขาบอกว่าช่วงที่ราคามันแกว่งตัวมากๆ ถึงแม้จะเป็นวิกฤษ แต่ก็ยังเป็ฯโอกาสด้วย)
อย่างไรก็ดีไลฟ์สไตล์ส่วนตัวแล้วนอกจากซื้อตึกซื้อบ้านแล้วแทบจะไม่ได้ใช้เงินสิ้นเปลืองเลยเขาเลือกกินแต่อาหารง่ายๆเช่นอุด้งชามละไม่กี่บาท และอย่าว่าแต่การเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศเลย เที่ยวในประเทศญี่ปุ่นก็ไม่ได้ไป(เขาบอกว่าหากว่าคืนก่อนที่จะไปเที่ยวหากเทรดเสียเงินเป็นร้อยๆล้านวันรุ่งขึ้นคงจะไม่มีอารมณ์ไปเที่ยวแล้ว) วันๆเอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่สุงสิงกับใคร(ในประเทศญี่ปุ่นจะเรียกคนที่เก็บตัวอยู่แต่ในบ้านว่า Hikikomori เป็นปัญหาสังคมแบบหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น) หรือตอนที่คนมาสัมภาษณ์เขา เขาก็ไม่ทักทายอะไรมากแค่เปิดประตูให้แล้วรีบกลับไปเทรดหุ้นต่อ หลายๆอย่างเหล่านี้ทำให้เขาถูกพูดในทางที่ลบว่าถึงแม้เขาจะมีเงินมากแต่ก็ไม่มีความสุข
แต่สิ่งที่สุดยอดก็คือว่า ผู้สัมภาษณ์เล่าให้ฟังว่าในวันที่ไปสัมภาษณ์นั้นเป็นวันศุกร์ในวันนั้นเขาซื้อหุ้นกลุ่มบริษัท trading company ทั้งหลายเช่น Mitsubishi shoji หรือ Mitsui Butsan เป็นเงินกว่า 1000 ล้านเยนแล้วในวันจันทร์ บริษัททั้งหลายเหล่านั้นทำ new high ตั้งแต่เข้าตลาดมา แล้วผู้สัมภาษณ์ยังบอกอีกว่าเขาได้ขายหุ้นเหล่านั้นทิ้งไปในวันจันทร์นั้นเอง
อ่านบทความของนายคนนี้จบ หวังว่าน่าจะมีแรงบันดาลใจในการลงทุนนะครับ แต่อยากเน้นว่าไม่จำเป็นต้องรวย หรือได้รับผลตอบแทนมากเท่า BNF แต่สิ่งที่อยากให้ดูเป็นตัวอย่างคือ ความตั้งใจและมุ่งมั่น สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะลงทุนแนวใด ถ้าตั้งใจและมุ่งมั่นซะอย่างรับรองว่า สักวันความสำเร็จต้องมาเยือนเราครับ
อ้างอิงบทความจาก