STOCHASTIC OSCILLATOR (STO) คือเครื่องมือที่เน้นไปที่การแกว่งตัวของราคาหุ้น โดยสามารถแสดงถึงลักษณะของราคาปิด ของหุ้น ตามแนวคิดที่ว่า ถ้าราคาหุ้นมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ราคาปิดย่อมมีการขยับตัวสูงขึ้นไปหา high ด้วย หรือในช่วงแนวโน้มขาลง ราคาปิดย่อมมีแนวโน้ม เข้าใกล้ low ของวันด้วย จึงมีการนำเอาสัดส่วนของราคาปิดเทียบมาใช้ในการคำนวณ
STO เป็นเครื่องมือดัชนีราคาอีก ที่มีความไวค่อมข้างสูงนิยมในงานมาในตลาดที่มีการแกว่งตัวแบบไร้ทิศทางในกรอบเวลาแคบๆ
จาก สมการ
%K คือ ค่า FAST STOCHASTIC OSCILLATOR
%D คือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ของ FAST STOCHASTIC OSCILLATOR เราเรียกว่า SLOW STOCHASTIC OSCILLATOR
การแปลความหมายและการนำไปใช้
การตีความของ STO สามารถจำแนกเป็นลักษณะต่างๆได้ดังนี้
- การดูค่าความอิ่มตัว Overbought และ Oversold
เป็นการนำเอาค่าจาก STO มาใช้นิยามค่าความอิ่มตัวของแนวโน้มราคา โดย
Overbought คือช่วง 80% - 100%
Oversold คือ 20% - 0%
โดยการใช้งานของ Overbought และ Oversold จะคล้ายกับ RSI คือในโซน Overbought ย่อมมีโอากาสที่จะเกิดการอิ่มตัวการซื้อ ถ้าราคาไม่สามารถทำ new high ต่อไปจาก high ก่อนหน้าได้ โอกาสที่จะชะลอตัวแล้วกลับทิศทางลงจึงมีสูง ดังนั้น Overbought จึงเหมาะกับการเตรียมตัวที่จะหาจังหวะขาย หรือกรณีที่ Oversold คือมีการขายมาก จนราคาไม่ทำ new low ต่อไป โอกาสที่จะเกิดการชลอตัวและกลับทิศทางก็เป็นขาขึ้น ก็มีความไปได้สูง ดังนั้นโซนนี้จึงเป็นโซนที่เฝ้าระวังการซื้อ
- การดู Crossovers
เป็นอีกเทคนิควิธีที่นำเอาการตัดกันของเส้น %K กับ %D มาใช้พิจารณาการเปลี่ยนแปลง เพื่อกำหนดเป็นสัญญาณซื้อและขาย
โดยใช้สัญญาณซื้อ Buy signal คือ %K > %D หรือทำการตัดขึ้น ส่วนสัญญาณขาย sale signal คือ %K < %D หรือทำการตัดลง ดังภาพ ข้างล่าง
สัญญาณซื้อ จะมีน้ำหนักและความน่าจะเป็นมาก ถ้าเกิดในเขต Oversold เช่นเดียวกันกับ สัญญาณขาย มีน้ำหนักและความน่าจะเป็นมาก ถ้าเกิดในเขต Overbought
Divergence
พิจารณา Divergence ของราคากับทิศทางของ STO เพื่อสังเกตการณ์ขัดแย้งกัน เป็นการบ่งบอกการกลับทิศแนวโน้มของราคาหุ้น โดยแบ่งออกเป็น Bullish Divergence และ Bearish Divergence
Bullish Divergence คือ ช่วงที่ราคาทำ new low แต่ยอดของ STO ไม่ทำ new low ตามแต่กลับยกสูงขึ้น ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่า new low ของราคากำลังจะหยุด และกลับทิศทางเป็นขาขึ้น
Bearish Divergence คือ ช่วงที่ราคาทำ new high แต่ยอดของ STO ไม่ทำ new high หรือทะลุยอดเดิม ตามแต่กลับต่ำลง ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่า new high ของราคากำลังจะหยุด และกลับทิศทางเป็นขาลง