วิชาชีพ คำนี้คือคำสองได้แก่ “วิชา”+”อาชีพ” คำที่มาเจอกันและผสมกัน มีความหมายแบบสามัญว่า มันคือวิชาที่เราใช้หาเลี้ยงชีพ ทั้งชีพของเราและชีพของครอบครัว เป็นวิชาที่ผสมกับหยาดเหงื่อแรงงาน บวกเวลาอันมีค่า เพื่อนำไปแลกกับเงิน มาใช้ในการดำรงชีวิตในสังคม
ทุกคนที่ทำงานแลกเงิน ล้วนแล้วต้องมีวิชาชีพ ไม่ว่าจะจบมหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษาใดๆหรือไม่จบ เพราะทุกคนที่มีอาชีพล้วนผ่านการเรียนรู้ทักษะที่ใช้ในการประกอบอาชีพ ทั้งจากการเรียนในห้องเรียนและเรียนโดยตรงจากการปฏิบัติงาน ซึ่งยิ่งมีชั่วโมงบินสูงๆมีอายุการทำงานสูงๆวิชาชีพท่านยิ่งกล้าแข็ง เก่งกล้า
ทำงานแลกเงิน
แต่แน่นอนว่า การนำวิชาชีพไปแลกเงินเดือนที่ดูเหมือนจะน้อยนิดเมื่อเทียบกับต้นทุนทางสังคมที่ต้องจ่าย ทั้งค่าเสื้อผ้า ค่ารถ ค่าคอนโด รวมถึงโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ มันทำให้การมองเห็นอนาคตอันสดใสริบหรี่เต็มที่ ยิ่งพยายามเอาเวลาที่มีค่าไปแลกเงินมามากเท่าใด ความสุขในชีวิตก็ยิ่งลดลง ดังนั้นจะดีแค่ไหนที่เราสามารถเอาวิชาชีพที่ร่ำเรียนมา หรือมีความชำนาญ ไปใช้ในการสร้างผลตอบแทนทางการเงินด้วยการลงทุนในตลาดหุ้น
มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะสงสัยว่า อาชีพที่ทำทุกวันมันจะมีส่วนช่วยในการลงทุนได้อย่างไร ยิ่งถ้าไม่ได้จบบัญชี จนการเงินมากจะช่วยได้จริงหรอ ??? สำหรับผม ผมคิดว่าได้แน่นอนครับ ถึงแม้คุณจะเป็นแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชำนาญการ องค์ความรู้ในอาชีพก็สามารถช่วยเราในการลงทุนได้เสมอ แต่ทะว่าคนส่วนใหญ่ที่เข้ามาในตลาดหุ้นมักเป็นแมงเม่าที่ลงทุนตามๆกันลงทุนตามหุ้นที่มีคนบอกว่าดีว่าจะมาแรง ทั้งที่ยังไม่รู้จักกิจการบริษัทนั้นๆจริงจัง
อาชีพในฝัน
ไม่ว่าเราจะมีอาชีพอะไร จะใช่อาชีพในฝันตอนเด็กหรือไม่ก็ต้องยอมรับก่อนว่าทุกอาชีพที่ทำมักจะมีองค์ความรู้ ซ่อนอยู่ยิ่งถ้าท่านไม่ใช่ผู้ใช้แรงงาน องค์ความรู้ในการประกอบอาชีพยิ่งมีอยู่มากด้วย ทำงานไปนานๆยิ่งชำนาญ นั้นแหละครับคือ key successful ถึงแม้ท่านจะทำงานแบบเซ็งๆไปวันๆหรือแบบหมดความท้าทาย ท่านก็สามารถเอาองค์ความรู้ที่อยู่ในสายงานมาใช้ในการลงทุนเพื่อสร้างอนาคตทางการเงินของตัวเองได้ มากน้อยขึ้นกับความชำนาญ และความเอาถ่าน ของแต่ละบุคคล
เมื่อเกิดมาบ้านไม่รวย ไม่มีพ่อแม่สปอย ไม่มีคนส่งเรียนนอก เป็นมนุษย์เงินเดือน ก็อย่ามัวแต่ไปปิดหูปิดตาเล่นมันแต่หุ้นเก็งกำไรรายวันอย่างเดียว แบบกะเอามันส์ช่องสองช่องไว้อวดเพื่อน หรือหวังรวยเร็วจะได้ปลดหนี้และออกจากงานประจำ เลิกเถอะครับ เงยหน้าลืมตา มาดูโลกความจริงบ้างว่า การเก็งกำไรแล้วรวยนั้นมีอยู่จริงแต่มันแค่ 10% ของคนที่อยู่ในสนามรบนี้ และไอ้ 10% นั้นส่วนมากก็คือพวกที่เป็นเทรดเดอร์มืออาชีพที่เขาสามารถนั่งชิวชิว จิบกาแฟถ่างตาดูจอโปรแกรมเทรด ดูกราฟได้ทั้งวัน
เล่นในเกมส์ของเรา
ดังนั้นจงเล่นในเกมส์ที่เรามีสิทธิชนะดีกว่า เอาความถนัดของวิชาชีพมาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยเริ่มจากการลงทุนระยะยาวกับหุ้นของบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมหรือใกล้เคียงกับสายอาชีพที่ท่านทำงาน เช่น ถ้าคุณเป็นวิศวกรโยธา ก็เลือกเก็บหุ้นประเภทรับเหมาก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ ไว้บ้างในพอร์ต เพราะด้วยวิชาชีพทีเรียนมา 4 ปีในมหาวิทยาลัย หรือแม้แต่การได้ลงมือปฏิบัติงานจริง ความรู้เหล่านั้นมันช่วยทำให้เรามอง การดำเนินธุรกิจของบริษัทเรานี้ออก ติดตามข่าวสารและเข้าใจ สามารถจินตนาการหรือคาดการณ์ภาพที่จะเกิดในอนาคตได้ โดยเฉพาะที่ผมเน้นคือ เราเข้าใจในต้นทุน
ผลประกอบการดี จะเกิดก็เมื่อบริษัทมีกำไรมาก บริษัทมีกำไรมาแปลว่ายอดขายย่อมมากกว่าต้นทุน สิ่งหนึ่งที่ถ้าเราจะเข้าใจและมองได้ออกมากกว่า นักลงทุนธรรมดาที่ไม่มีพื้นความรู้นั้นก็คือเรื่องของต้นทุนและวัตถุดิบ ตัวอย่างเดียวกัน ถ้านายข. เป็น วิศวกรโยธา เคยคุมงานก่อสร้าง เคยทำโครงการรับเหมาก่อสร้าง ย่อทำให้เขาเข้าใจในต้นทุน และการบริหารจัดการต้นทุน รวมถึงวัตถุดิบต่างๆของบริษัทที่ถือหุ้นอยู่ได้ดี ถ้าวันดีคืนดี ข่าวแนวโน้มราคาเหล็กเส้นตลาดโลกเกิดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แน่นอนว่าเขาย่อมทราบและคาดเดาได้ว่า ผลประกอบการไตรมาสที่จะถึงของบริษัทอาจจะลดลงจากต้นทุนที่สูงขึ้น (ยกตัวอย่างกรณีที่บริษัทไม่สต๊อกวัตถุดิบ)
ดังนั้นเมื่อผลประกอบการลดลงระยะสั้น ราคาหุ้นย่อมลดลงด้วย ในแง่หนึ่งอาจจะเป็นโอกาสดีในการเก็บหุ้นเพิ่ม หรือในกรณีเดียวกันถ้าเกิดการอิ่มตัวของการทำกำไร คุณก็สามารถปรับพอร์ตย้ายการลงทุนไปยังบริษัทดาวรุ่งพุ่งแรงแนว Growth Stock ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันได้ ยิ่งถ้าคุณมีความสามารถมากสามารถมองภาพของ วัฏจักรอุตสากรรมนั้นออก (เพราะบ่อยครั้งบริษัทที่เราทำงานก็อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันกับบริษัทใหญ่ที่ขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์) ย่อมทำให้เราสามารถเข้าใจและคาดการณ์การลงทุน รวมถึงวิเคราะห์ผลกระทบและความเป็นไปของบริษัทที่จะลงทุนได้ดี รู้ช่องทางหลบหลีก และประเมินถึงความสามารถในการจ่ายปันผล รวมถึงเข้าใจโอกาสงามในธุรกิจที่จะมาถึงก่อนใคร เห็นไหมครับ ว่าอาชีพที่เราทำนั้นช่วยเราในการลงทุนได้จริงๆ
ง่ายต่อการเข้าใจ
นอกจากการมีสัมผัสในการเข้าอกเข้าใจ หรือสามารถคาดการณ์ธุรกิจของบริษัทได้แล้วนั้น ด้วยความที่เราเรียนหรือทำงานมาจะทำให้เราเข้าใจในความเสี่ยง ในโมเดลธุรกิจ และผลบวก ผลลบต่อการผลิตได้เป็นอย่างดี ดังนั้นเมื่ออ่านรายงานประจำปี ,ไป visit company ,ประชุมประจำปี หรือดูแบบ 56-1 มันทำให้เราง่ายต่อการเข้าใจ และสามารถคิดตามได้ รวมถึงสามารถคาดการณ์ภาพที่จะเกิดในอนาคต และทำการประเมินโอกาสความเป็นไปได้ทางการเติบโต ด้วยทักษะและความชำนาญทางวิชาชีพ
เรียกว่า คุณมีความสามารถในการประเมินบริษัทในด้านเชิงคุณภาพที่ได้เปรียบ แต่แน่นอนว่าถ้าต้องการให้สมบูรณ์สำหรับการลงทุนระยะยาวย่อมต้อง ฝึกและหัดการวิเคราะห์เชิงปริมาณในรูปแบบ สัดส่วนทางการเงินจากการอ่านงบการเงินด้วย เพราะมันจะทำให้เห็นภาพของผลการดำเนินงานและธุรกิจที่ชัดแจ่มแจ้งมากขึ้น เท่านี้การลงทุนระยะยาวก็เป็นเกมส์ของคุณ เกมส์ที่สามารถชนะได้ไม่ยากเย็น
อย่าเปรี้ยวเก็งกำไรเยอะเกินงาม
แต่สิ่งหนึ่งที่อยากฝากไว้ คืออย่าเอาความได้เปรียบ คิดว่าเรารู้จักบริษัท รู้จักหุ้นแบบนี้มาใช้ในเกมส์เก็งกำไร ล่าส่วนต่างราคาเพราะเกมส์นี้คือเกมส์ระยะสั้น ไม่เกี่ยวกับเหตุและผลโดยตรง แต่เกี่ยวกับความต้องการซื้อและขาย รวมถึงกลยุทธของรายใหญ่ที่เล่นกัน ถ้าจะเล่นในเกมส์เก็งกำไร คุณต้องคิดในอีกรูปแบบมองในอีกรูปแบบ อย่าไปคิดแค่ว่า วันนี้มีข่าวดีแล้วหุ้นจะราคาขึ้น เพราะบ่อยครั้งที่มีข่าวดี ราคาขึ้น หลอกแมงเม่าให้ซื้อ และอีกไม่นานก็โดนทุบร่วงหล่น ราวกับบริษัทจะเจ๊งปิดกิจการ นี้แหละครับคือเกมส์ของผู้ล่า เกมส์ที่ไม่ได้ใช้วิชาชีพหรือตรรกะในการเอาชนะ แต่เป็นเกมส์ที่อาศัยความเร็วในการสังเกต ความชำนาญในการมองแนวโน้มราคา และสุดท้ายเป็นเกมส์ที่ต้องเล่นแบบมีวินัยไม่เล่นตามอารมณ์
ดังนั้น จงเล่นในเกมส์ของเรา เกมส์ที่เรามีโอกาสชนะ เกมส์ของมนุษย์เงินเดือนดีที่สุดครับ