ช่วงนี้มีแต่คนบ่นว่าขาดทุนบ้างล่ะ ตกรถบ้างล่ะ เพราะตลาดผันผวนมากมายไปตามปัจจัยต่างๆภายนอก นี้ยังไม่นับช่วงเดือนเม.ย วิปโยคที่มักจะมีหมู่มวลม๊อบออกมาชุมนุมอีก ไม่รู้ว่าอนาคตทิศทาง SET จะสดใสซาบซ่าอยู่หรือเปล่า
บวกกับมาเจอเรื่องร้ายๆแบบภัยพิบัติที่ญี่ปุ่น รวมถึงการระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่ามีโอกาสจะรุนแรงแบบ เชอร์โนบิล ที่สร้างความเสียหายระยะ 30 กิโลเมตรเกิดจากการรั่วไหลของกัมตภาพรังสี แต่ความเสียหายอาจจะบรรเทาได้จากการเตรียมรับมือและวินัยของคนญี่ปุ่น ที่มีความพร้อมและมีการปฏิบัติที่เป็นระเบียบ สิ่งที่หนีไม่ได้คือความเสียหายทางเศรษฐกิจที่อาจจะมีมูลค่าสูง ยิ่งถ้าต้องมีการอพยบคนในเขตใหญ่แบบเมืองโตเกียว
นี้แหละครับสิ่งที่อนิจจัง ไม่เที่ยงใครจะเชื่อว่าประเทศของโดเรมอน ที่มีความพร้อมและความเจริญทางเทคโนโลยีระดับต้นๆของโลกต้องเผชิญกับการทดสอบจากธรรมชาติที่รุนแรงขนาดนี้ คนไทยอย่างผมคงได้แต่เอาใจช่วยให้ผ่านเรื่องร้ายๆนี้ไปได้ด้วยดี
อย่ารีบวิ่งเดี่ยวจะล้ม
ผมพบว่าคนส่วนใหญ่ที่เข้ามาลงทุนมักจะพึงพอใจกับการได้กำไรก้อนใหญ่ หรือเศร้าเสียใจกับการขาดทุน ซึ่งในภาวะตลาดแบบ non trend หรือ side-way แบบนี้ ผมเชื่อว่าหลายๆคนคงต้องรวนเร ขาดความมั่นใจไม่มากก็น้อย เพราะด้วยความคิดเดิมที่เคยทำกำไรกับตลาดหุ้นได้ กับไม่สามารถนำมาใช้ได้ผมในสภาวะตลาดแบบนี้ เพราะกราฟเทคนิคนั้นตามหลังราคา ยิ่งราคาขึ้นลงมากในหนึ่งวัน ย่อมก่อให้เกิดสัญญาณลวง ดังนั้นบางวันกำไร บางวันก็ขาดทุน
เทรดเดอร์มือใหม่หลายท่านพยายาม รีดฟอร์มทำกำไรให้ได้มากๆ เพื่อพิสูจน์ตัวและได้รับการยอมรับ จนมันทำให้ฝืนจังหวะตลาดไป ผลเสียก็จะมีมากคือขาดทุน และเสียความมั่นใจไป สิ่งที่ผมอยากจะบอกคือ ลองผ่อนคลายและหยุด ถอยออกมานอกเกมส์ เพื่อทบทวน บันทึกการเทรด(ถ้ารักจะสำเร็จ จะต้องมีเทรดไดอารี่ เพื่อบันทึกการตัดสินใจไว้ดูนะครับ) ก่อนเริ่มลงสนามต่อไป
จงก้าวเดินอย่างมีสติ
ผมขอนำปรัญชา ที่ผมเคยอ่านในหนังสือเล่มหนึ่ง(จำชื่อไม่ได้แล้ว แต่คุณเก่งแนะนำว่าเป็นของ ดร.เทียม โชควัฒนา) มาแบ่งปัน 4 คำสั้นๆ "หนัก เบา ช้า เร็ว" ผมนำมาประยุกต์ใช้ทั้งด้านการทำงานและการลงทุน เพราะผมเชื่อในเรื่องขอความสมดุลของสรรพสิ่ง ผมขอยกตัวอย่างในเรื่องการลงทุนให้ดูนะครับ
หนัก : คือสิ่งที่ต้องเน้น ทำมากๆ สิ่งที่เราต้องทุ่มเท สำหรับผม การลงทุนคืออีกโลกที่ผมมาพบมัน ตอนโต(หรือแก่) ผมไม่เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ไม่มีพ่อแม่เป็นนักลงทุน ไม่เคยเรียนมา ไม่คุ้นเคย ไม่รู้จัก เรียกว่า มานับจากศูนย์ และมาสนใจหัดเรียนรู้จริงๆเกี่ยวกับหุ้นเพราะ idol อย่างฟางซินเสียจากเกมส์เจ้าพ่อตลาดหุ้น ดังนั้น หนัก ของผมก็คือการศึกษาให้หนัก เรียนรู้ให้มาก เรียนรู้ในสิ่งที่เรายังไม่รู้และเรียนรู้ในสิ่งที่เราจำเป็นต้องรู้ นั้นคือสิ่งที่จำเป็นและต้องเน้นหนัก ทุ่มเทหาข้อมูลของหุ้นตัวที่เราสนใจ
หลายคนชอบทางลัด โดยการถาม ถามและก็ถาม การถามไม่เสียหาย แต่ถ้าต้องถามไปเรื่อยๆโอกาสจะไปเจอคนที่ไม่ดี คนที่ไม่จริงใจหลอกเชียร์หุ้นที่เขาซื้อไว้ก็มีเยอะ อย่างไรเสียย่อมไม่ใครมาหวังดีกว่าตัวเรา ยิ่งกว่าตัวเรา ดังนั้นถ้าเราเข้าใจและวิเคราะห์เองได้ ก็คือการจับปลาเป็น เอาตัวรอดได้ดีกว่า ไปเที่ยวขอปลาเขากินตลอดไป ชิมิครับ
เบา : คือสิ่งที่ต้องตระหนักและคิดยั้ง ถ้าท่านบ้านไม่รวย ไม่ได้ขับเบนซ์ ยังต้องเป็นมนุษย์เงินเดือน จงอย่าทุ่มเทให้หุ้น จนเกินไป เพราะเวลาอีก 90% ของคุณต้องไปทุ่มเทให้การงาน และครอบครัวด้วย จงอย่าหมกมุ่นในการทำกำไร เอากลับไปคิดติดหัว หรือแม้แต่คอยกังวลเรื่องราคาหุ้นเกินไป เชื่อผมเถอะว่า ยิ่งเราคิดถึงมาก มันยิ่งทำให้เราเป็นกังวล ผลก็คือ ทุกอย่างจะแย่กว่าเดิม ปล่อยใจสบายๆครับ ทำทุกอย่างให้เต็มที่ตามแผนที่วางไว้เป็นพอ จบ 16.30 ปิดโปรแกรมเทรด เมื่อออกหน้าจอคอมทุกอย่างก็ควรจบ ออกไปใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว และสิ่งที่สวยงามรอบข้าง
ช้า: คือ การรู้จักรอโอกาส ไม่จำเป็นต้องเร่งลงทุน หรือซื้อหุ้นในทุกจังหวะ เพื่อจะสนองตอบความต้องการทางจิตใจ ที่อยากจะได้กำไร หลายคนยังนำเอาระบบคิดแบบงานประจำมาใช้อยู่ โดยเน้นไปที่การซื้อขายมากๆครั้งเพื่อ หวังโบนัสกำไรก้อนโต โดยลืมคิดถึง เงินที่ต้องขาดทุนและจ่ายค่าคอมไป แบบนี้ไม่ดีแน่
ควรหมั่นติดตามหุ้นที่เราสนใจ แบบช้าๆค่อยเป็นค่อยไป รอจังหวะที่ดี เมื่อหุ้นเริ่มมีสัญญาณซื้อแล้วค่อยเข้าซื้อ จงละเอียดกับการลงทุน ถ้าไม่มั่นใจอาจจะทะยอยเข้าเป็น step เช่น 3-4-4 ฝึกให้จิตใจเราสงบไม่รนรานไปตามความโลภและความกลัวนี้ต่างหากคือเคล็ดลับความสำเร็จครับ
การลงทุนก็เปรียบดังการปลูกต้นไม้มันจะค่อยๆงอกงาม เราเองเป็นคนปลูกย่อมต้องรู้จักอดทนรอ เอาใจใส่ติดตาม รดน้ำพรวนดิน จนวันที่ออกดอกออกผล ถึงแม้ท่านจะเป็นเทรดเดอร์นักเก็งกำไรระยะสั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเร็วไปซะทุกครั้ง การอดทนรอจังหวะที่ดีที่สุดก็เป็นสิ่งจำเป็น ที่สำคัญอย่าเร่งรัด รวยเร็ว ได้กำไรเร็ว
การทำกำไรได้เพียง ไม่กี่ครั้งไม่อาจจะเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จ เพราะการวัดความสำเร็จต้องดูกันที่ระยะยาว ดูที่ความต่อเนื่องของผลกำไร กำไรในแต่ละครั้งที่เทรดนั้นเป็นแค่แต้มสะสมเท่านั้นอย่าไปยึดติดและจงช้ารีรอที่จะเสพความสำเร็จที่พบพาน ประเภทที่เอาพอร์ตเอากำไรโชว์เพื่อนฝูงตามเว็บบอร์ด ผมไม่เห็นด้วยไม่เห็นว่าจะเกิดประโยชน์อะไร เพราะการเล่นหุ้นเป็นการแข่งกับตัวเอง ยิ่งไปพยายามเปว่าตัวเองเก่ง อัตตาจะยิ่งมาก ตัวนี้แหละจะทำให้เราเขว
หัวใจสำคัญไม่ใช่การได้กำไรมากๆ แต่เป็นการได้กำไรแบบสม่ำเสมอและยั่งยืนต่างหาก ถ้าท่านได้กำไร 20% จากหุ้นปั่นแปะเก็งกำไร แล้วอีก 2 ครั้งท่านขาดทุนแบบนั้น ก็ไม่สามารถอนุมานได้ว่าท่านเก่งกาจหรือประสบความสำเร็จแต่อย่างใด พยายามเตือนสติตัวเองอยู่ตลอดเวลาครับ
เร็ว: คือสิ่งที่เราต้องเร่งรีบทำ เร่งรีบพัฒนา สำหรับผมก็คือวิธีคิดและระบบเทรด ไม่ว่าจะลงทุนแนวไหน จะสั้นจะยาว จะลงทุนในตลาดไหน สิ่งที่ต้องมีคือระบบเทรด ระบบที่เป็นตรรกะในการซื้อ ขายหุ้น รวมถึงการจัดการเงินและแผนฉุกเฉิน เพื่อใช้ในการรับมือกับอารมณ์ของตนเอง สำหรับตัดสินใจลงทุน
การที่ท่านยังซื้อขาย ตามเพื่อน ตามข่าว ตามอารมณ์ตลาด แบบไม่สามารถอธิบายได้ว่าซื้อ ขายเพราะอะไรนั้น ระยะยาวเป็นสิ่งที่อันตราย โดยเฉพาะเมื่อตลาดผันผวน โอกาสที่จะขาดทุนมีสูง ผมเคยเน้นย้ำมาตลอด ในปี 53 ที่ผ่านมาอาจจะไม่ค่อยเห็นแค่ปี 54 ปีกระต่ายทองนี้แหละครับจะพิสูจน์ว่าใครของจริง ของปลอม ถ้าอยากพัฒาตนเองให้อยู่รอในตลาดนี้จงเร็วจงรีบที่จะเรียนรู้ตามแนวทางที่เหมาะกับตัวท่าน เพื่อให้ได้ระบบคิดหรือระบบเทรดในการลงทุนเร็วที่สุด
อย่าผัดวันประกันพรุ่ง อย่าคิดว่ามีงานประจำมาก ไม่มีเวลาศึกษา ไม่มีเวลาวางแผน แต่กลับมีเวลา เร่งรีบซื้อขายหุ้นตามเพื่อน ตามข่าวเพราะกลัวตกรถ แบบนั้นเรียกว่า เร็วในสิ่งที่ไม่ควรเร็ว ผลก็จะเกิดแก่ตัวท่านเอง จนบางครั้งมันรุนแรงจนยากจะแก้ไข คนที่เข้ามาในตลาดหุ้นทุกคนอยากรวย ทุกคนมุ่งมั่นจะไปสู่อิสระภาพทางการเงิน แต่ผมกล้าบอกได้เลยว่ามีไม่กี่คนที่ไปถึง และมีอีกนับร้อย ที่ติดหุ้นอยู่บนดอยสูง หรือไม่ก็ถอดใจกลับไปเป็นมนุษย์เงินเดือน กินข้าวแกงเช่นเดิม
สรุป
ชีวิตมันไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆครับ จงทุ่มเทให้หนัก รู้จักผ่อนหนัก เบา ช้า เร็ว รู้ในสิ่งที่ควรทำ และจัดลำดับเวลาในการทำให้ได้ นั้นคือสิ่งที่สำคัญ ถ้าทำได้สักวันความสำเร็จจะมาถึงทุกคนแน่นอน ขอพลังจงสถิตอยู่กับท่าน
บวกกับมาเจอเรื่องร้ายๆแบบภัยพิบัติที่ญี่ปุ่น รวมถึงการระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่ามีโอกาสจะรุนแรงแบบ เชอร์โนบิล ที่สร้างความเสียหายระยะ 30 กิโลเมตรเกิดจากการรั่วไหลของกัมตภาพรังสี แต่ความเสียหายอาจจะบรรเทาได้จากการเตรียมรับมือและวินัยของคนญี่ปุ่น ที่มีความพร้อมและมีการปฏิบัติที่เป็นระเบียบ สิ่งที่หนีไม่ได้คือความเสียหายทางเศรษฐกิจที่อาจจะมีมูลค่าสูง ยิ่งถ้าต้องมีการอพยบคนในเขตใหญ่แบบเมืองโตเกียว
อย่ารีบวิ่งเดี่ยวจะล้ม
ผมพบว่าคนส่วนใหญ่ที่เข้ามาลงทุนมักจะพึงพอใจกับการได้กำไรก้อนใหญ่ หรือเศร้าเสียใจกับการขาดทุน ซึ่งในภาวะตลาดแบบ non trend หรือ side-way แบบนี้ ผมเชื่อว่าหลายๆคนคงต้องรวนเร ขาดความมั่นใจไม่มากก็น้อย เพราะด้วยความคิดเดิมที่เคยทำกำไรกับตลาดหุ้นได้ กับไม่สามารถนำมาใช้ได้ผมในสภาวะตลาดแบบนี้ เพราะกราฟเทคนิคนั้นตามหลังราคา ยิ่งราคาขึ้นลงมากในหนึ่งวัน ย่อมก่อให้เกิดสัญญาณลวง ดังนั้นบางวันกำไร บางวันก็ขาดทุน
เทรดเดอร์มือใหม่หลายท่านพยายาม รีดฟอร์มทำกำไรให้ได้มากๆ เพื่อพิสูจน์ตัวและได้รับการยอมรับ จนมันทำให้ฝืนจังหวะตลาดไป ผลเสียก็จะมีมากคือขาดทุน และเสียความมั่นใจไป สิ่งที่ผมอยากจะบอกคือ ลองผ่อนคลายและหยุด ถอยออกมานอกเกมส์ เพื่อทบทวน บันทึกการเทรด(ถ้ารักจะสำเร็จ จะต้องมีเทรดไดอารี่ เพื่อบันทึกการตัดสินใจไว้ดูนะครับ) ก่อนเริ่มลงสนามต่อไป
จงก้าวเดินอย่างมีสติ
ผมขอนำปรัญชา ที่ผมเคยอ่านในหนังสือเล่มหนึ่ง(จำชื่อไม่ได้แล้ว แต่คุณเก่งแนะนำว่าเป็นของ ดร.เทียม โชควัฒนา) มาแบ่งปัน 4 คำสั้นๆ "หนัก เบา ช้า เร็ว" ผมนำมาประยุกต์ใช้ทั้งด้านการทำงานและการลงทุน เพราะผมเชื่อในเรื่องขอความสมดุลของสรรพสิ่ง ผมขอยกตัวอย่างในเรื่องการลงทุนให้ดูนะครับ
หนัก : คือสิ่งที่ต้องเน้น ทำมากๆ สิ่งที่เราต้องทุ่มเท สำหรับผม การลงทุนคืออีกโลกที่ผมมาพบมัน ตอนโต(หรือแก่) ผมไม่เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ไม่มีพ่อแม่เป็นนักลงทุน ไม่เคยเรียนมา ไม่คุ้นเคย ไม่รู้จัก เรียกว่า มานับจากศูนย์ และมาสนใจหัดเรียนรู้จริงๆเกี่ยวกับหุ้นเพราะ idol อย่างฟางซินเสียจากเกมส์เจ้าพ่อตลาดหุ้น ดังนั้น หนัก ของผมก็คือการศึกษาให้หนัก เรียนรู้ให้มาก เรียนรู้ในสิ่งที่เรายังไม่รู้และเรียนรู้ในสิ่งที่เราจำเป็นต้องรู้ นั้นคือสิ่งที่จำเป็นและต้องเน้นหนัก ทุ่มเทหาข้อมูลของหุ้นตัวที่เราสนใจ
หลายคนชอบทางลัด โดยการถาม ถามและก็ถาม การถามไม่เสียหาย แต่ถ้าต้องถามไปเรื่อยๆโอกาสจะไปเจอคนที่ไม่ดี คนที่ไม่จริงใจหลอกเชียร์หุ้นที่เขาซื้อไว้ก็มีเยอะ อย่างไรเสียย่อมไม่ใครมาหวังดีกว่าตัวเรา ยิ่งกว่าตัวเรา ดังนั้นถ้าเราเข้าใจและวิเคราะห์เองได้ ก็คือการจับปลาเป็น เอาตัวรอดได้ดีกว่า ไปเที่ยวขอปลาเขากินตลอดไป ชิมิครับ
ช้า: คือ การรู้จักรอโอกาส ไม่จำเป็นต้องเร่งลงทุน หรือซื้อหุ้นในทุกจังหวะ เพื่อจะสนองตอบความต้องการทางจิตใจ ที่อยากจะได้กำไร หลายคนยังนำเอาระบบคิดแบบงานประจำมาใช้อยู่ โดยเน้นไปที่การซื้อขายมากๆครั้งเพื่อ หวังโบนัสกำไรก้อนโต โดยลืมคิดถึง เงินที่ต้องขาดทุนและจ่ายค่าคอมไป แบบนี้ไม่ดีแน่
ควรหมั่นติดตามหุ้นที่เราสนใจ แบบช้าๆค่อยเป็นค่อยไป รอจังหวะที่ดี เมื่อหุ้นเริ่มมีสัญญาณซื้อแล้วค่อยเข้าซื้อ จงละเอียดกับการลงทุน ถ้าไม่มั่นใจอาจจะทะยอยเข้าเป็น step เช่น 3-4-4 ฝึกให้จิตใจเราสงบไม่รนรานไปตามความโลภและความกลัวนี้ต่างหากคือเคล็ดลับความสำเร็จครับ
การลงทุนก็เปรียบดังการปลูกต้นไม้มันจะค่อยๆงอกงาม เราเองเป็นคนปลูกย่อมต้องรู้จักอดทนรอ เอาใจใส่ติดตาม รดน้ำพรวนดิน จนวันที่ออกดอกออกผล ถึงแม้ท่านจะเป็นเทรดเดอร์นักเก็งกำไรระยะสั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเร็วไปซะทุกครั้ง การอดทนรอจังหวะที่ดีที่สุดก็เป็นสิ่งจำเป็น ที่สำคัญอย่าเร่งรัด รวยเร็ว ได้กำไรเร็ว
การทำกำไรได้เพียง ไม่กี่ครั้งไม่อาจจะเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จ เพราะการวัดความสำเร็จต้องดูกันที่ระยะยาว ดูที่ความต่อเนื่องของผลกำไร กำไรในแต่ละครั้งที่เทรดนั้นเป็นแค่แต้มสะสมเท่านั้นอย่าไปยึดติดและจงช้ารีรอที่จะเสพความสำเร็จที่พบพาน ประเภทที่เอาพอร์ตเอากำไรโชว์เพื่อนฝูงตามเว็บบอร์ด ผมไม่เห็นด้วยไม่เห็นว่าจะเกิดประโยชน์อะไร เพราะการเล่นหุ้นเป็นการแข่งกับตัวเอง ยิ่งไปพยายามเปว่าตัวเองเก่ง อัตตาจะยิ่งมาก ตัวนี้แหละจะทำให้เราเขว
หัวใจสำคัญไม่ใช่การได้กำไรมากๆ แต่เป็นการได้กำไรแบบสม่ำเสมอและยั่งยืนต่างหาก ถ้าท่านได้กำไร 20% จากหุ้นปั่นแปะเก็งกำไร แล้วอีก 2 ครั้งท่านขาดทุนแบบนั้น ก็ไม่สามารถอนุมานได้ว่าท่านเก่งกาจหรือประสบความสำเร็จแต่อย่างใด พยายามเตือนสติตัวเองอยู่ตลอดเวลาครับ
เร็ว: คือสิ่งที่เราต้องเร่งรีบทำ เร่งรีบพัฒนา สำหรับผมก็คือวิธีคิดและระบบเทรด ไม่ว่าจะลงทุนแนวไหน จะสั้นจะยาว จะลงทุนในตลาดไหน สิ่งที่ต้องมีคือระบบเทรด ระบบที่เป็นตรรกะในการซื้อ ขายหุ้น รวมถึงการจัดการเงินและแผนฉุกเฉิน เพื่อใช้ในการรับมือกับอารมณ์ของตนเอง สำหรับตัดสินใจลงทุน
การที่ท่านยังซื้อขาย ตามเพื่อน ตามข่าว ตามอารมณ์ตลาด แบบไม่สามารถอธิบายได้ว่าซื้อ ขายเพราะอะไรนั้น ระยะยาวเป็นสิ่งที่อันตราย โดยเฉพาะเมื่อตลาดผันผวน โอกาสที่จะขาดทุนมีสูง ผมเคยเน้นย้ำมาตลอด ในปี 53 ที่ผ่านมาอาจจะไม่ค่อยเห็นแค่ปี 54 ปีกระต่ายทองนี้แหละครับจะพิสูจน์ว่าใครของจริง ของปลอม ถ้าอยากพัฒาตนเองให้อยู่รอในตลาดนี้จงเร็วจงรีบที่จะเรียนรู้ตามแนวทางที่เหมาะกับตัวท่าน เพื่อให้ได้ระบบคิดหรือระบบเทรดในการลงทุนเร็วที่สุด
อย่าผัดวันประกันพรุ่ง อย่าคิดว่ามีงานประจำมาก ไม่มีเวลาศึกษา ไม่มีเวลาวางแผน แต่กลับมีเวลา เร่งรีบซื้อขายหุ้นตามเพื่อน ตามข่าวเพราะกลัวตกรถ แบบนั้นเรียกว่า เร็วในสิ่งที่ไม่ควรเร็ว ผลก็จะเกิดแก่ตัวท่านเอง จนบางครั้งมันรุนแรงจนยากจะแก้ไข คนที่เข้ามาในตลาดหุ้นทุกคนอยากรวย ทุกคนมุ่งมั่นจะไปสู่อิสระภาพทางการเงิน แต่ผมกล้าบอกได้เลยว่ามีไม่กี่คนที่ไปถึง และมีอีกนับร้อย ที่ติดหุ้นอยู่บนดอยสูง หรือไม่ก็ถอดใจกลับไปเป็นมนุษย์เงินเดือน กินข้าวแกงเช่นเดิม
สรุป
ชีวิตมันไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆครับ จงทุ่มเทให้หนัก รู้จักผ่อนหนัก เบา ช้า เร็ว รู้ในสิ่งที่ควรทำ และจัดลำดับเวลาในการทำให้ได้ นั้นคือสิ่งที่สำคัญ ถ้าทำได้สักวันความสำเร็จจะมาถึงทุกคนแน่นอน ขอพลังจงสถิตอยู่กับท่าน