หลายคนมักถามผมว่า ผมเป็นนักลงทุนประเภทไหน? จริงๆแล้วผมเองไม่เคยคิดจำแนกหรือจำกัดวิธีการลงทุนของตัวเอง เพราะผมเชื่อว่าทุกแบบย่อมมีทั้งข้อดี และข้อด้อยเสมอ การที่เราพยายามจะจำแนกตนเองด้วยอุดมการณ์หรือความเชื่อที่มีอคติ บางครั้งมันก็เป็นอุปสรรค์ในการเดินทางไปถึงเป้าหมายได้เช่นกัน โดยเฉพาะการสูญเสียโอกาส
การเป็นนักลงทุนจะเป็นประเภทไหนไม่สำคัญ เท่ากับการเข้าใจถึงแก่นหรือปรัชญาการลงทุนในประเภทนั้นๆ เพราะการเข้าใจอย่างแท้จริงจะทำให้เราประยุกต์ใช้หลักการลงทุนในรูปแบบต่างๆ นำจุดแข็งมาใช้ในสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม ผมเองคงเป็น VSOP ตามนิยามของพี่คลายเครียด เพราะผมเองชื่นชอบความเป็นเหตุเป็นผลของการลงทุนระยะยาวแบบเน้นคุณค่า(นำเอาข้อได้เปรียบของการลงทุนนี้มาใช้ช่วงตลาดขาลง) และก็นิยมการสร้างผลตอบแทนแบบเพิ่มพูนจากการลงทุนแบบเก็งกำไร(นำเอาข้อได้เปรียบของการลงทุนนี้มาใช้ช่วงตลาดขาขึ้นและออกข้าง) ซึ่งสามารถจำกัดความเสี่ยงได้จากการบริหารจัดการเงินทุน
ดังนั้นการจัดพอร์ตการลงทุนของผมจึงผสมผสานการลงทุนทั้งระยะสั้นและระยะยาวแบบสมานฉันท์กลมเกลียว โดยนำกำไรจากการเก็งกำไร มาลงทุนระยะยาวแบบเน้นมูลค่า ทำให้เกิดความยั่งยืนและเพิ่มพูนของผลตอบแทน
ขอกลับมาที่การลงทุนแบบเก็งกำไร ระยะสั้นสุดของการลงทุนประเภทนี้คือ Day trade การลงทุนแบบที่ VI หลายคนร้องยี้ว่ามันคือการเล่นแบบไม่มีเหตุผล แต่ผมกลับมองต่างกัน ผมมองว่าการลงทุนในหุ้นแบบรายวัน มันคือ money game ที่เราเล่นไปตามกระแสเงินที่ไดร์ฟราคาในระยะวัน แน่นอนว่าผลประกอบการ หรือข่าวอาจจะมีผลแต่ไม่มากเท่ากับกระแสเงิน และการทำราคาจากผู้ควบคุมราคารายใหญ่(เจ้า)
ดังนั้นการลงทุนในรูปแบบนี้ก็คือเกมส์ คือคณิตศาสตร์ที่เราสามารถหาโมเดลมาใช้ในการลงทุนและสร้างผลตอบแทนได้ แน่นอนมันต่างจากการเล่นการพนัน เพราะเราไม่ได้ซื้อขายโดย อารมณ์ แทงได้เสีย ตามอารมณ์(ถ้าคนที่เล่น day trade แบบนี้บอกได้เลยว่าไม่นานก็หมดตัวครับ) ที่สำคัญการลงทุนแบบ day trade ต้องอาศัยการวิเคราะห์ทางเทคนิคบวกกับประสบการณ์ การวางกลยุทธและการจัดการเงินทุน ที่ทำให้เราประสบความสำเร็จได้
ที่ผมตั้งใจเขียนบทความนี้ไม่ได้มีเจตนาชวนทุกท่านมาลงทุนแบบรายวัน แต่เป้าหมายคือผมอยากถ่ายทอดเทคนิคประสบการณ์การลงทุนในรูปแบบนี้ กับท่านที่สนใจ โดยไม่สามารถรับประกันได้ว่าท่านจะไม่ขาดทุน เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับประสบการณ์ การฝึกฝนและวินัยในการลงทุน ที่ผู้ลงทุนต้องเรียนรู้และสะสมเอง ซึ่งผมเชื่อว่ามีเยอะที่นักลงทุนรายย่อยแบ่งเงิน หรือทุ่มเงินลงทุนในลักษณะแบบนี้ ด้วยความหอมหวานของการรวยเร็ว ด่วนได้ ผมคงไม่ได้ถ่ายทอดทั้งหมด เพราะต้องเก็บไว้หากิน แต่สิ่งหนึ่งที่อยากจะแนะนำคือเทคนิคเบื้องต้นและเครื่องมือที่หวังว่าจะช่วยให้ลดการขาดทุนของนักลงทุนได้บ้างและช่วยให้ลงทุนได้แบบเป็นระบบมากขึ้น
มีสติก่อนออกสตาร์ท
การลงทุนแบบ day trade จะต่างจากการพนันคือ ผู้ลงทุนหรือผู้เล่นต้องมีสติ ไม่ใช่อารมณ์เล่นเพราะ ขณะที่ท่านจ้อง ticker อารมณ์ความโลภ ความกลัวจะเข้ามาควบคุมท่าน ถ้าจิตใจท่านอ่อนแอไม่มีสมาธิ การตัดสินใจไปตามจิตวิทยาตลาด ที่โดนครอบงำ จะทำให้ท่านขาดทุน เพราะฉนั้นจงมีสติ ควบคุมสมาธิให้อยู่ในเกมส์ของเรา เล่นไปตามกลยุทธที่วางไว้ (ถ้าต้องการฝึกก็ลองไปหัดนั่งสมาธิ วิปัสนา เพื่อควบคุมจิตเรา ช่วยได้มากนะครับ เพราะผมก็ทำ)
มีเวลาติดตามหุ้น
เวลาเป็น Key Success Factors ในการลงทุนแบบ Day Trade ผมเห็นคนทำงานหลายคนที่อยากเล่นหุ้น Day Trade ทั้งที่ไม่มีเวลานั่งเฝ้าหน้าจอตลอดช่วงการเทรด ประเภทโทรฝากมาร์ไว้ ซื้อตอนมันขึ้น พอกลับจากประชุม ราคาก็ดิ่งลงขาดทุนทันที หรือไม่ก็บอกมาว่า 18 บาทให้ขาย พอเอาเข้าจริงมันวิ่งไปต่อจาก 18 ไป 25 คุณก็จะพลาดโอกาสไป
ดังนั้นถ้าไม่มีเวลาติดตาม อย่าเล่นย้ำอย่าเล่นเพราะจะขาดทุนมากกว่ากำไรครับ แต่การเฝ้าหน้าจอแท้จริงแล้วก็เพื่อที่จะติดตามกราฟนาที ดังนั้นถ้าคุณพลาดจุด เข้าออก ก็จะทำให้ไม่สามารถเล่นตามกลยุทธที่วางไว้ได้ แต่การเฝ้าจอก็ไม่ใช่ต้องนั่งเฝ้ากันทั้งวัน ปกติแล้วหุ้น Day Trade เวลาที่ Peak ในการหากินก็จะเป็นช่วงไม่นาน ประมาณ 10-15 นาที เป็นรอบๆไปแล้วแต่เจ้า แล้วแต่หุ้น เช่น 9.55-10.15, 11.00-11.15 หรือ 16.20-16.30 เป็นต้น อันนี้บอกยาก ขึ้นกับประสบการณ์และการสังเกตุ เพราะถ้าหมดรอบราคาหุ้นจะ sideway นิ่งๆ ไม่ไปไหน (เค้าไปเล่นตัวอื่นกันต่อ)
ถือหุ้นมากไป จะยากจน
การเล่นแบบ Day Trade นั้นจำเป็นที่จะต้องติดตามราคาอย่างใกล้ชิดเพราะฉนั้นการเฝ้าการเคลื่อนตัวของราคามีผล ถ้าเราซื้อหุ้น ทีละ หลายๆตัวการติดตามราคาพร้อมๆกันจะทำได้ยาก โดยปกติจำนวนหุ้นที่จะถือเล่นพร้อมกันนั้นขึ้นกับจำนวนจอคอมพิวเตอร์(ฟังไม่ผิดหรอก นี้คือเหตุผลทำไมพวกเดยเทรดต้องมีหลายจอ) ปกติเราจะเปิดดูราคาหุ้นจะสะดวกกว่าการ switch ไปมาเพราะบางครั้งอาจจะไม่ทัน
ความเร็วคือหัวใจ
แน่นอนว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ทั้งการเคลื่อนตัวของราคา การเปลี่ยนเทรนด์ การตั้ง Bid-offer จึงต้องเร็ว นิ่งและทันกับสถานการณ์ ดังนั้นสมาธิต้องดี ใจต้องนิ่ง ไม่รนราน คีย์คำสั่งผิดถูกไป เพราะจะเกิดความเสียหาย อย่างที่เคยเกิดมาแล้ว
โลภมาก ลาภจะหาย
การลงทุนแบบสั้น ได้เงินมารวดเร็วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของจิตใจ การที่เราควบคุมจิตใจได้โอกาสชนะก็มากเกินครึ่งแล้วครับ ข้อสำคัญที่ต้องฝึกคืออย่าโลภ ควรกำหนดจุดที่พอใจในการทำกำไรต่อวันไว้ เช่น 5% ต่อวัน หรือกรณีที่ราคาหุ้นพุ่ง คุณทำกำไรได้มากก็ปล่อย Let Profit Run ไป เมื่อเกินเป้าที่วางไว้ก็หยุดพัก(เลิกตอนได้ดีกว่าเลิกตอนเสีย) จบวันไม่จำเป็นต้องไปเสี่ยงเล่นตัวอื่นเพิ่ม เพื่อหากำไรอีก(อย่าไปคิดว่าดวงดี จะไม่เสีย เพราะนี่ไม่ใช่การพนัน)
นอกจากนี้ควรรู้จักหยุดให้เป็น วางให้ได้ คือเมื่อพลาดแพ้ขาดทุน คุณต้องรู้จักพัก ไม่โหมแก้มือเพราะโลภอยากได้เงินคืน หุ้น Day Trade โดยปกติยิ่งฝืนยิ่งพัง
รู้จักทิศทางลม
การลงทุนแบบ Day Trade ส่วนมากเราจะมองแค่กรอบระหว่างวัน แต่สิ่งหนึ่งที่ นลท. ต้องคำนึงคือทิศทางของ SET ถ้าตลาดแดงเพราะรับข่าวร้าย หรือมีทิศทางของหุ้นส่วนใหญ่ลงมากว่าขึ้น ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะเล่น Day Trade ถ้าไม่มั่นใจ เพราะโอกาสจะเจอหุ้นพวก เปิด สูง ปิดต่ำ จะมีมาก แบบนี้แทนที่จะกำไรจะขาดทุนไป ดังนั้นก่อนลงทุนช่วงเช้า นลท. ควรติดตามข่าว บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นและ Future เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ภาพรวม
อีกประเด็นที่ต้องศึกษาคือการมองภาพ ใหญ่ และภาพเล็กแบบจินตนภาพ ให้ออก พูดง่ายๆคือการรวมแท่งเทียน ในระดับ 3 นาที เป็นแบบ 30 นาที และรวมเป็นระดับ ชั่วโมง ไปถึงวัน เพื่อทำให้เราวางแผนการเล่นได้ดียิ่งขึ้น รู้จักเทรนด์ที่แท้จริง พวกนี้สามารถนำไปใช้ในการกำหนดกลยุทธการเล่นแบบต่อเนื่องแบบ Nigh Trade หรือการห่อกลับบ้านได้ด้วย (ยากสักหน่อยแต่ถ้าฝึกบ่อยๆจะทำได้ครับ)
อ่านเทรนด์ให้ออก
การเล่นหุ้น Day Trade แบบของผมเพื่อจำกัดความเสี่ยงผมจะเล่นหุ้นตัวเล็ก ราคาต่ำกว่า 10 บาท โดยดูหุ้นที่เทรนด์ใหญ่ระดับวัน เป็น sideway หรือ sideway up จะไม่เล่นหุ้นที่เทรนด์ระดับวันเป็น ขาลง(down trend) เพราะจะเสี่ยงต่อการโดนทุบแบบรุนแรง ส่วนตัวที่มันเป็น Up trend ในระดับวัน ก็เก็บไปเล่นรอบใหญ่เอาดีกว่า
พวก sideway คือช่วงที่หุ้นกำลังหาทิศทางที่แน่นอนไม่ได้มีความผันผวน สูงนั้นคือช่องวางในการทำกำไรครับ
ส่วนระหว่างวัน การเล่นหุ้น Day Trade กราฟระดับนาทีก็ควรจะวิ่งขึ้น มากกว่าการวิ่งลง เพื่อให้เกิดโอกาสทำกำไร มากที่สุด ถ้าหุ้นตัวไหนที่ไม่วิ่งขึ้น วิ่งลง แสดงว่าเราเลือกหุ้นผิด หรือตัวที่นิ่งๆ วิ่งครั้งเดียวแล้วจบ นั้นก็แปลว่า รถยังไม่ออก รายใหญ่ยังไม่มา ควรขึ้นคันใหม่
ภาคสอง
