การปรับ IM ล่าสุดเข้าใจได้ว่าการปรับเพื่อรักษาระดับ leverage ไม่ให้มากเกินไปและคงไม่อยากให้คนแห่ไปเล่น tfex แบบ overtrade เกินตัว(เห็นแมงเม่าบางคนเทรดกัน 20-50 สัญญา เสียวแทนจริงๆครับยามตลาดผันผวนแบบนี้) ถ้าเป็นเทรดเดอร์ที่ใช้ระบบ การเพิ่ม IM ปกติไม่ค่อยมีปัญหาต่อ money management เท่าไหร่
สมมติ set50 = 950 มูลค่าสัญญา คือ 950000 ถ้าคิด IM ที่ 76000 หมายความว่า leverage = 1:12.5
การเทรดปกติ เทรดเดอร์อาชีพ จะไม่วางเงินพอดีกับ IM เช่น มี 152000 ก็เทรด 2 สัญญาเพราะนั้นหมายถึงการ overtrade เสี่ยงเกินไป เรามักจะควบคุม leverage ด้วยตัวเราเอง (ให้ต่ำในระดับปลอดภัยไว้ก่อน)การกันเงินเผื่อไว้ให้มากพอ ปกติผมจะใช้สมการ
เงินที่ใช้(Margin) = IM + (MaxDD x Multiplier x N)
margin คือเงินหลักประกันที่เราต้องมีสำรองต่อสัญญา
IM – Initial Margin
MaxDD – Maximum Drawdown ของระบบ
Multiplier – ตัวคูณต่อ 1 สัญญา
N – จำนวนเท่าต่อ MaxDD
ตัวอย่างการคำนวณ ถ้าเทรด 1 สัญญา จะต้องกันเงินสำรอง = 76000 + (10 จุด *2*1000) = 96000 บาท
นั้นหมายถึงเรากันส่วนต่าง ความปลอดภัยของระบบเอาไว้ หรือพูดง่ายๆว่าเรามีกระสุนสำรองเผื่อรับ Drawdown ที่จะเกิด
จริงๆค่า Drawdown ที่ใช้ของแต่ละคนอาจจะต่างไป ถ้าเทรด swing แบบรอบสั้น มี SL ที่ไม่กว้าง เช่นผม 5-10 จุดก็ cover แต่ถ้าเทรดแบบ trend หรือ momentum ก็ต้องคำนวณสถิติหา MaxDrawdown ของระบบ ให้ดี
ตลาด future บ้านเราแปลกอยู่อย่างหนึ่งคือ การปรับ IM เขาไม่ได้ปรับตามดัชนี มูลค่าสัญญาที่เพิ่มอย่างเดียว แต่ปรับตามความผันผวนของตลาด
ตอนนี้ดัชนีลดลงมากมาว่า 200 จุด แต่ด้วยความผันผวนมาก ตลาดฯ เป็นห่วงพี่น้องแมงเม่า เลยขึ้น IM ไป 76000 ทำให้ ถ้าเราเป็น เทรดเดอร์รายย่อยต้องระวังเรื่อง สภาพคล่องหาย ไปจากจำนวนสัญญา ที่ลดลง เพราะ IM เหมือนกัน
ส่วนสถาบันรายใหย๋ ที่มี vol ค่า คอมค่า IM คงไม่มีปัญหาอะไร จริงแล้ว IM เป็นเรื่องสำคัญ คิดจะเทรด อนุพันธ์ เทรด tfex การมี money management ที่ดีถือว่าสำคัญมากและเป็นหัวใจของการอยู่รอดครับ
ส่วนสถาบันรายใหย๋ ที่มี vol ค่า คอมค่า IM คงไม่มีปัญหาอะไร จริงแล้ว IM เป็นเรื่องสำคัญ คิดจะเทรด อนุพันธ์ เทรด tfex การมี money management ที่ดีถือว่าสำคัญมากและเป็นหัวใจของการอยู่รอดครับ