คำว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง” เป็นคำที่ผมเชื่อว่านักลงทุนทั่วไปคุ้นหู และมักจะได้รับข้อความนี้จากการชี้ชวนการลงทุนต่างๆ แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดหุ้น มักละเลย เพราะมันจับต้องไม่ได้หรือมองไม่ค่อยเห็นความเสี่ยงก่อนการลงทุนจริงๆ บวกกับคำพูดทัศนคติแปลกๆที่ฝังหัวว่า "ไม่ขายไม่ขาดทุน" ไม่ขาดทุนก็ไม่เสี่ยง มันจึงทำให้เกิดการประมาทหรือละเลยในความเสี่ยงที่จะเกิดนั้น และไดรฟ์การลงทุนด้วยกำไรที่ตนเองอยากจะได้เพียงอย่างเดียว
การคาดหวังหรือประมาณการ Reward ในอนาคต มันอาจจะเป็นเรื่องของประสบการณ์ โดยเฉพาะการอ่านแนวโน้ม ถ้าหวังได้กำไร ซื้อหุ้นแล้ว ราคาหุ้นต้องปรับตัวขึ้น ดังนั้นเราสามารถใช้แนวต้าน บนแนวโน้มขาขึ้นเป็นตัวประเมิน Reward ที่คาดว่าจะได้รับในอนาคตได้ แต่ถ้าคุณภาพหรือความแข็งแกร่งของแนวโน้มมีไม่มาก เราก็ไม่ควรประเมินค่า Reward ไว้มากเกินความเป็นจริงครับ โดยทางการวิเคราะห์เชิงเทคนิค เราสามารถนำเอาแนวต้าน มาเป็นเป้าหมาย Reward ของเราได้ โดยแนวต้านนั้นสามารถหาได้จาก จุดสูงสุดก่อนหน้า หรือ ใช้เครื่องมือแบบ Fibonacci ก็เป็นได้
Risk Reward Ratio = Risk/Reward
- Risk คือความเสี่ยงที่เราประเมินมุมมองที่เรารับได้(limit risk) สร้างไว้สำหรับจุด Cutloss
ความเสี่ยงรวมในหุ้นแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆคือ ความเสี่ยงที่เป็นระบบ(Systematic risk) และความเสี่ยงที่ไม่เป็นระบบ(Unsystematic Risk) โดยความเสี่ยงเป็นระบบ เป็นความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยภายนอกตัวหุ้น ได้แก่ความผันผวนของตลาด ความผันผวนของกลุ่มอุตสาหกรรม ความผันผวนของกระแสเงินต่างชาติ เป็นต้น ซึ่งความเสี่ยงตัวนี้ แสดงออกชัดเจนและมีความต่อเนื่องในรูปแบบของกราฟ มีลักษณะเป็นแนวโน้มและมีทิศทางที่ชัดเจน และเกิดในลักษณะเดียวกันกับหุ้นอื่นๆในกลุ่มเดียวกัน
ความเสี่ยงไม่เป็นระบบ เป็นความเสี่ยงที่เกิดเฉพาะกับตัวธุรกิจ หรือเกิดเฉพาะกับหุ้นนั้นๆ เช่นไฟไหม้โรงงาน, ผลประกอบการขาดทุน, พนักงานประท้วงหยุดการผลิต เป็นต้น ความเสี่ยงประเภทนี้ มักสะท้อนออกมาบนกราฟหุ้นในลักษณะ ผันผวนเฉียบพลัน รุนแรง เช่นการเกิด GAP และมีปริมาณการขาย การซื้อแบบตื่นตระหนก กระชากตัวจากค่าปกติมาก ความเสี่ยงไม่เป็นระบบนี้เราสามารถป้องกันได้ด้วย การกระจายความเสี่ยง ด้วยการลงทุนในหุ้นตัวอื่นๆ ต่างกลุ่มอุตสาหกรรมเพื่อลดความเสี่ยงตัวนี้ลง และใช้เทคนิคการบริหารจัดการพอร์ตลงทุนช่วงลดความเสี่ยงลง
ดังนั้นในการเทรดหุ้นเพื่อเก็งกำไร ความเสี่ยงที่เราต้องตระหนักคือความเสี่ยงที่เป็นระบบ เราควรประเมินความเสี่ยง(Risk) ที่เรามองเอาไว้ และสร้างเป็นจุดตัดขาดทุน(cut loss) เพื่อครอบคลุมความเสี่ยงที่เรารับได้ ในขณะเดียวกันเพื่อให้เกิดเป้าหมายในการเทรดหุ้นแต่ละครั้ง เราควรตั้งกำไรที่คาดหวัง(Reward) หรือผลตอบแทนที่คาดจะได้ในอนาคตไว้ด้วย
การคาดหวังหรือประมาณการ Reward ในอนาคต มันอาจจะเป็นเรื่องของประสบการณ์ โดยเฉพาะการอ่านแนวโน้ม ถ้าหวังได้กำไร ซื้อหุ้นแล้ว ราคาหุ้นต้องปรับตัวขึ้น ดังนั้นเราสามารถใช้แนวต้าน บนแนวโน้มขาขึ้นเป็นตัวประเมิน Reward ที่คาดว่าจะได้รับในอนาคตได้ แต่ถ้าคุณภาพหรือความแข็งแกร่งของแนวโน้มมีไม่มาก เราก็ไม่ควรประเมินค่า Reward ไว้มากเกินความเป็นจริงครับ โดยทางการวิเคราะห์เชิงเทคนิค เราสามารถนำเอาแนวต้าน มาเป็นเป้าหมาย Reward ของเราได้ โดยแนวต้านนั้นสามารถหาได้จาก จุดสูงสุดก่อนหน้า หรือ ใช้เครื่องมือแบบ Fibonacci ก็เป็นได้
Risk Reward Ratio(RRR) นั้นก็คือตัวเลขที่จะบอกเราว่าการเทรดหุ้นครั้งนี้จะคุ้มค่าหรือไม่โดย เป็นการประเมินเบื้องต้น ช่วยในการวางแผน โดย
Risk Reward Ratio = Risk/Reward
- Risk คือความเสี่ยงที่เราประเมินมุมมองที่เรารับได้(limit risk) สร้างไว้สำหรับจุด Cutloss
- Reward คือ เป้าหมายกำไรที่เราคาดหวัง ซึ่งใช้แนวต้านทางเทคนิคอล มาช่วยประเมิน
โดยค่า Risk/Reward ออกมายิ่งน้อยยิ่งดี (เข้าใกล้ 0 ) หมายถึง Risk มีค่าน้อย แต่ถ้า Risk/Reward มากกว่าหรือเท่ากับ 1 นั้นหมายความว่ามีความเสี่ยงที่สูงเกินไป หรือโอกาสการเกิดกำไรนั้นน้อย ไม่คุ้มค่าในการเทรด
ตัวอย่างการคำนวณ
ซื้อหุ้น IVL 1000 หุ้นที่ราคา 30 บาท โดยมีแนวต้าน(ราคาเป้าหมาย) ที่ 46.5 บาทมีจุดตัดขาดทุน 5% ที่ 28.5 ดังนั้นค่า risk reward ratio เท่ากับ (30-28.5)/(46.5-30) = 0.09
Risk Reward Ratio สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อีกหลายแบบ วิธีนี้เป็นเพียงรูปแบบหนึ่งที่นำมาใช้คู่กับระบบเทรดเท่านั้น โดยเน้นที่ตัวเลขที่จับต้องได้และประเมินบนแนวโน้มราคาหุ้นในปัจจุบัน หัวใจสำคัญของการใช้ Risk Reward Ratio คือการสอนให้เรามองเห็นความเสี่ยงและประเมินผลตอบแทนทุกครั้งในการเข้าซื้อหุ้น ไม่ใช่มองแต่กำไรแบบลอยๆ โดยปราศจากการวางแผนรับมือความเสี่ยงที่จะเกิด