การมองแนวโน้มราคาหุ้นว่าจะมีทิศทางขึ้นหรือลงให้ขาดนั้น บางครั้งเราไม่อาจจะมองได้จากข้อมูลราคาเพียงอย่างเดียว จำเป็นที่ต้องใช้การสังเกตและวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายที่เกิดขึ้นด้วย จึงมีการนำเอาสมการคณิตศาสตร์ มาประยุกต์สร้างเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายในรูปแบบอินดิเคเตอร์ เพื่อใช้ในการยืนยันแนวโน้มของราคาหุ้น โดยอาศัยหลักที่ว่า ถ้าราคาหุ้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือลง ปริมาณการซื้อและย่อมมีการเพิ่มขึ้นแบบมีนัยยะจากจุดเริ่มต้น บ่งบอกถึงผู้ลงทุนให้ความสนใจในหุ้นตัวนั้น และบ่งบอกความแน่นอนของแนวโน้มที่เกิดขึ้นด้วย
การนำไปใช้
2. ดูแนวโน้มทิศทางของ OBV เพื่อทำการยืนยันแนวโน้มของราคา สังเกตจากการทำจุดสูงสูงสุดของ OBV ที่สอดคล้องกับการทำจุดสูงสุดของราคา หรือกรณีขาลง แรงซื้อลดลงที่ ราคาหุ้นทำจุดต่ำสุด สอดคล้องแนวโน้มที่มีการทำจุดต่ำสุดใหม่ของ OBV
OBV (On Balance Volume)
On Balance Volume เป็นดัชนีที่ใช้ในการแกว่งตัวของ Volume โดยมีหลักการคิดเบื้องต้นว่า ปริมาณของหุ้นวันที่ปิดบวก (ราคาปิดสูงขึ้นจากราคาเปิด) เป็นการสะสมหุ้น ส่วนปริมาณของหุ้นวันที่ปิดลบ (ราคาปิดต่ำกว่าจากราคาเปิด) เป็นการกระจายหุ้นออกไป โดยวิธีการคำนวณมาจาก
สมการ
-กรณีที่ ราคาปิดวันนี้>วันก่อน OBVใหม่=OBVเดิม+ปริมาณหุ้นวันนี้
-กรณีที่ ราคาปิดวันนี้<วันก่อน OBVใหม่=OBVเดิม-ปริมาณหุ้นวันนี้
-กรณีที่ ราคาปิดวันนี้=วันก่อน OBVใหม่=OBVเดิม
การนำไปใช้
1. ถ้าดูจากสมการจะพบว่า ราคาหุ้นมันจะมีผลต่อปริมาณสะสมของ OBV กรณีที่ราคา เพิ่มขึ้นมาก (ความกว้างของแท่งเขียวมาก) แต่ ปริมาณ OBV น้อยหรือลดลงไม่เพิ่มตาม แปลว่าเกินการชะลอตัว เกิดความเฉื่อยของราคาแล้ว โอกาสจะเปลี่ยนแนวโน้มหรือออกข้าง (sideway) ก็จะมีมาก
2. ดูแนวโน้มทิศทางของ OBV เพื่อทำการยืนยันแนวโน้มของราคา สังเกตจากการทำจุดสูงสูงสุดของ OBV ที่สอดคล้องกับการทำจุดสูงสุดของราคา หรือกรณีขาลง แรงซื้อลดลงที่ ราคาหุ้นทำจุดต่ำสุด สอดคล้องแนวโน้มที่มีการทำจุดต่ำสุดใหม่ของ OBV
3. ดูการทำ DIVERGENCE ของ OBV และทิศทางราคาหุ้น กรณีที่ราคาหุ้นทิศทางขาขึ้นแต่ กราฟ OBV เริ่มลดตัวลง มีแนวโน้มลดต่ำลง เป็นสัญญาณบอกถึงแรงซื้อที่ลดลงอาจจะเกิดการเปลี่ยนแนวโน้มได้
4. สามารถใช้ค่าเฉลี่ย EMA ใน OBV เพื่อสร้างเป็นจุดสังเกตในการบอกถึงการเพิ่มขึ้นของปริมาณสะสมเป็นการบอก ยืนยันสัญญาณของซื้อ สัญญาณขายในระบบเทรดร่วมกับค่า indicator ทางราคาอื่นๆเช่น RSI, MACD เป็นต้น จุดเด่นอยู่ที่กรณีราคาออกข้าง sideway แล้ว OBV กลับเริ่มขึ้นแบบนี้สามารถสะท้อนถึงการสะสมหุ้นเพื่อ ก่อตัวแนวโน้มขาขึ้นใหม่อีกรอบ